คอมมี่ ประกาศรีแบรนด์ใหญ่รอบ 30 ปี ส่งโปรดักส์ฮีโร่ “CommySuper Hydrogel Film”ทวงบัลลังก์ผู้นำอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟน

คอมมี่ (COMMY)เดินเกมบุกทวงแชมป์ผู้นำอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนประเทศไทยทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท รีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี พร้อมส่งโปรดักส์ฮีโร่ตัวล่าสุดลงแข่ง “คอมมี่ ซูเปอร์ไฮโดรเจล ฟิล์ม” (CommySuper Hydrogel Film) ฟิล์มกันรอยประสิทธิภาพสูงเจ้าแรกในไทยตอบโจทย์ทุก pain point ผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมสุดล้ำ เนื้อฟิล์มเต็มจอ ยืดหยุ่นสูง กระจายแรงกระแทก สมานรอยขีดข่วนบนเนื้อฟิล์มใน 2 นาที ด้านช่องทางจำหน่ายลุยทุกมิติทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และ O2Oคาดสิ้นปีนี้ รายได้โตกว่า 100%

นางสาวอรปรียา มโนวิลาส รองประธานกรรมการ บริษัท คอมมี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัดกล่าวว่าแบรนด์ “คอมมี่” (COMMY)ถือเป็นแบรนด์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่และอุปกรณ์ไอทีสัญชาติไทยที่อยู่ในตลาดมายาวนานกว่า30 ปีด้วยจุดเริ่มต้นในปี 2532 ซึ่งเป็นยุคแรกของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย แต่ตลาดยังขาดอุปกรณ์เสริมอย่าง แบตเตอรี่ สายชาร์จ และเครื่องชาร์จ บริษัทฯ จึงได้นำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าวมาจัดจำหน่ายในรูปแบบค้าปลีก ส่งให้แก่ร้านค้าและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อโดยตรง ด้วยความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจเปิดโรงงานประกอบแบตเตอรี่ขึ้นพร้อมสร้างแบรนด์ภายใต้ชื่อ “คอมมี่” (COMMY)เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและความต้องการของกลุ่มลูกค้า จนประสบความสำเร็จและเป็นแบรนด์ที่กลุ่มลูกค้าทั่วประเทศไทยรู้จัก

หัวใจสำคัญที่ส่งผลให้คอมมี่ประสบความสำคัญมาถึงปัจจุบัน คือแนวคิดการทำธุรกิจที่คำนึงถึง “คุณภาพ” (Quality)เป็นหลัก พร้อมทั้งพัฒนาด้วย “นวัตกรรม” (Innovation)ที่เป็นเลิศ โดยปัจจุบันคอมมี่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกความต้องการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คืออุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟน (Mobile Gadget)ได้แก่เครื่องตัดฟิล์มกันรอย, ฟิล์มกันรอย, หัวชาร์จ, สายชาร์จ, แบตเตอรี่, แบตเตอรี่สำรอง, หูฟัง, หูฟังบลูทูธ, ลำโพงบลูทูธ และ เคสมือถือ และได้มีการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขภาพ (Health Product)อาทิ เครื่องฟอกอากาศทั้งแบบพกพาและใช้ในรถยนต์, หน้ากาก N95 และเครื่องวัดหรือทำออกซิเจน เป็นต้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่ม B2B ผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย และ B2C ลูกค้าทั่วไป”

นางสาวอรปรียา กล่าวต่อว่า“สำหรับภาพรวมของตลาดอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดราว14,000 ล้านบาท สวนกระแสตลาดสมาร์ทโฟนที่ลดลงจากข้อมูลสำนักวิเคราะห์ Canalys ชี้ในช่วงไตรมาสแรกปี 2566ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน Sell-in shipment ทั่วโลกลดลงกว่า12% อยู่ที่ 269.8 ล้านเครื่องโดยยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ล้านเครื่องต่อปี คาดว่าเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค มีการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ช้าลง นิยมหันมาซ่อมแซม และใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันยืดอายุการใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประเภท แบตเตอรี่ เคส และฟิล์มกันรอย

ดังนั้นเพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำของตลาด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมดิจิทัลในปัจจุบันและอนาคตที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค คอมมี่ จึงทุ่มงบประมาณกว่า100 ล้านบาท ปรับแผนการตลาดโดยยึดแนวคิดความต้องการของลูกค้า (Customer-centric) มาใช้พัฒนาธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่  Re-Branding เนื่องจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าไอทีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ก้าวข้ามจากรุ่นสู่รุ่นดังนั้นแบรนด์จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยการวางตำแหน่งแบรนด์คอมมี่ครั้งนี้ จะมุ่งไปที่กลุ่มคนที่ชื่นชอบสินค้าไอทีที่มีเอกลักษณ์และมีคุณภาพ เน้นการออกแบบสินค้าที่ตอบโจทย์ Personalization

ต่อมาคือHero Product โดยพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มฟิล์มกันรอยเพื่อเจาะตลาดฟิล์มกันรอยในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยคาดการณ์ว่าภายในปีนี้จะมียอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 1.1ล้านชิ้น ซึ่งปัจจุบันคอมมี่ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายฟิล์มกันรอยโทรศัพท์ระดับพรีเมียมโดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไฮโดรเจลฟิล์มได้รับความนิยมจากตลาดผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีจุดเด่นที่เนื้อฟิล์มมีความบางเพียง 0.15 มม. ให้สัมผัสที่เรียบลื่นเป็นธรรมชาติกว่าแบบกระจก กระจายแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกเหมือนฟิล์มกระจกซึ่งแก้ Pain Point ของลูกค้าในการใช้งานและสามารถยืดหยุ่นเข้าได้กับหน้าจอทุกประเภททั้งแบบจอธรรมดา จอโค้ง หรือจอพับ และนวัตกรรมSelf-healing ซึ่งสามารถสมานรอยได้ภายในไม่กี่นาทีเมื่อเกิดรอยขีดข่วน

ตอนนี้คอมมี่จึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฟิล์มกันรอย “คอมมี่ ซูเปอร์ ไฮโดรเจล ฟิล์ม” (CommySuper Hydrogel Film)เจ้าแรกของประเทศไทยด้วยการเพิ่มเนื้อเจลมากยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีSelf-healing ในเนื้อฟิล์มทำให้สมานรอยขีดข่วนได้เองภายใน 30วินาที สำหรับรอยข่วนขนาดเล็ก หรือไม่เกิน 2 นาที สำหรับรอยขนาดใหญ่ขึ้น

สุดท้ายคือHybrid Channelการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกมิติเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและให้ความสะดวกสบายในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งออกเป็น ช่องทางออนไลน์ จำหน่ายผ่านCOMMY Official Storeสามารถสั่งซื้อสินค้าและไปรับบริการที่ร้านค้าตัวแทนใกล้บ้านได้ทันทีและสามารถสั่งผ่านอีมาร์เก็ตเพลสต่างๆ อย่างLazada และ Shopee ซึ่งที่ผ่านมามียอดจำหน่ายเติบโต เนื่องจากผู้บริโภคนิยมซื้อไปติดเองมากขึ้นส่วนช่องทางจำหน่ายแบบออนกราวด์ จะมีทั้งในส่วนตัวแทนจำหน่าย และการจำหน่ายผ่าน7-Eleven,TG Fone,Jaymartรวมถึงการวางแผนจะมีการจัดตั้งkioskตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำภายในสิ้นปีนี้”

 “คอมมี่ยังได้เตรียมปูพรมด้านการสื่อสารและการขยายการรับรู้ไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ โดยในปีนี้จะเริ่มด้วยการทำ On Ground Activityเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงคุณภาพและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์โดยตรงพร้อมทั้งOnline Activityสร้างการสื่อสารผ่านกลุ่ม Influencerรวมถึงการทำ Entertainment Marketing เพื่อตอกย้ำการรับรู้ด้านผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งคอมมี่เชื่อว่าจากการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวนี้ ภายในสิ้นปี 2566 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 100%”นางสาวอรปรียากล่าวปิดท้าย

 

Related articles

PR: ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย เปิดตัวศูนย์บริการแฟล็กชิปแห่งใหม่ H-SPACE พร้อมส่ง “สตาร์เกเซอร์ เอ็กซ์” ตัวท็อปรุกตลาดรถเอ็มพีวีเต็มสูบ 

  H-SPACE พร้อมพลิกโฉมวงการรถยนต์เมืองไทย ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและบริการรูปแบบใหม่ เพื่อลูกค้าฮุนไดโดยเฉพาะ เน้นย้ำวิสัยทัศน์สู่อนาคตอันยั่งยืน บนพื้นฐานการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง   กรุงเทพฯ 4 ตุลาคม 2566...

PR: Lenovo เปิดตัวเวิร์คสเตชันรุ่นล่าสุด ก้าวข้ามขีดจำกัดการสร้างสรรค์ผลงานในโลกการทำงานแบบไฮบริด

  ThinkStation P3 Tower เวิร์คสเตชันขนาดเล็กพิเศษ รุ่นใหม่ที่มอบประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมพร้อมการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นและฟอร์มแฟคเตอร์ที่ใช้งานได้หลากหลาย เวิร์คสเตชันแบบพกพา ThinkPad P16...

เมื่อผู้มีภาวะตาบอดสีมีอยู่จำนวนไม่น้อย แล้วเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถช่วยเหลือคนทำงานได้อย่างไร?

กรุงเทพฯ,ประเทศไทย,3 ตุลาคม2566 –โลกการทำงานหลังยุคโควิทได้เปลี่ยนไปจากเดิม มีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำงานโดยเฉพาะเมื่อเราใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์กันยาวนานขึ้น ด้วยเหตุนี้เองบริษัท และองค์กรต่างๆ ได้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกายและใจ(Wellness)และเริ่มตระหนักถึงการทำงานที่มากเกินไปทั้งภาระและหน้าที่ที่พนักงานต้องรับผิดชอบกันมากขึ้น นับเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรจะเริ่มพิจารณาผลกระทบด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ของพนักงานตนเอง เป็นที่คาดการณ์ว่าประชากรโลกกว่า 300ล้านคนมีภาวะการบกพร่องทางการมองเห็นสีต่างๆหรือที่เรียกว่าตาบอดสีนั่นเอง ผู้ชาย 1 ใน...

NT – AIS ผนึกกำลังครั้งสำคัญ เสริมขีดความสามารถ 4G/5G บนคลื่น 700 MHz มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ต่อยอดนวัตกรรมโครงข่ายอัจฉริยะเพื่อคนไทย

ภายหลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลผู้ให้บริการโทรคมนาคม ได้อนุญาตให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า