ASUS Zenfone Max Plus ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยเมื่อวันที่ 11-1-2561 ที่ผ่านมา ความน่าสนใจสำหรับเจ้า Zenfone Max Plus คงเป็นเรื่องแบตเตอร์รี่ที่มีมาให้เยอะถึง 4,130 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น หมดกังวลกับการนำออกไปใช้งานนอกบ้าน และตัว Zenfone Max Plus ยังสามารถใช้เป็น power bank เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นได้เช่นกัน มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ความละเอียด HD+ 1440 x 720 พิกเซล มีระบบสแกนนิ้วพร้อมฟีเจอร์ปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า หน่วยความจำขนาด RAM 4GB/ROM 32GB ที่กล่าวมานี้ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 6990 บาท เท่านั้นเองครับ เดี๋ยวเราไปดูการใช้งานแบบละเอียดกัน ว่ามันจะคุ้มค่ามากขนาดไหน ไปดูพร้อมๆกันเลยครับ
SPEC ASUS Zenfone Max Plus
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ความละเอียด 1440 x 720 พิกเซล (HD+)
- CPU Mediatek MT6750T CPU Octa-Core
- GPU Mali-T860
- RAM 4GB
- ROM 32GB รองรับ Micro Card สูงสุด 256GB
- ถาดซิมแบบ Triple slots รองรับ 4G LTE+3G GSM
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือพร้อมระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.0
- กล้องหลังความละเอียด 16+8 MP รูรับแสง f/2.0
- แบตเตอรี่ 4,130 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ASUS PowerMaster
- ขนาดตัวเครื่อง 152.6 × 73 × 8.8 มม. และน้ำหนัก 160 กรัม
- ราคา 6,990 บาท มี 3 สีให้เลือก สีดำ (Deepsea Black) สีทอง (Sunlight Gold) สีเงิน (Azure Silver)
แกะกล่องเช็คของ
ตัวกล่องของ ASUS Zenfone Max Plus มาโทนสีฟ้าสดใส แจ้งรายละเอียดให้พอคร่าวๆ การจัดวางอุปกรณ์ภายในกล่องเรียบร้อยดีมากๆ ดูเป็นสัดส่วนดีครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดจะมีดังนี้
- ตัวเครื่อง ASUS Zenfone Max Plus
- อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่
- สาย micro usb
- หูฟังแบบอินเอียร์พร้อมจุกเปลี่ยน 3 ขนาด
- เคสใส
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
- สุดท้ายเลยครับ สำหรับซีรี่ย์ max ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ usb otg นั้นเอง
usb otg เอาไว้สำหรับเผื่อใช้เป็น power bank เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์เครื่องอื่น แค่เสียบสายเข้ากับตัวอุปกรณ์ก็พร้อมทำงานได้เลย ไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยาก
เคสใสเนื้อดี ใส่กระชับมือ มีพร้อมเสริฟในกล่อง เมื่อจับใส่เคสแล้วก็จะประมาณเนี้ยะเลย
วัสดุและการออกแบบผลิคภัณฑ์
ASUS Zenfone Max Plus จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วนตามสมัยนิยมเลยเวลานี้นั้นคือ 18:9 ความละเอียด HD+1440 x 720 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก 2.5D เพิ่มความโค้งมน ให้ตัวเครื่องดูหรูหรา สวยงามยิ่งขึ้น
เหนือขอบจอไล่มาตั้งแต่ฝั่งซ้าย จะประกอบไปด้วยเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนา และเซนเซอร์วัดแสง
ฝาหลังวัสดุเป็นโลหะขึ้นรูปชิ้นเดียว(unibody) ตัวฝาหลังจะเน้นความโค้งมน จับกระชับมือ
ด้านหลังจะโดดเด่นไปด้วยกับชุดกล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 16+8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา พร้อมไฟแฟลช LED ถัดลงมาจะเป็นชุดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ปลดล็อคได้รวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 0.03 วินาที
ด้านล่างตัวเครื่อง ช่องไมโครโฟน / ช่อง microUSB และลำโพงตัวเครื่อง
ฝั่งขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียงและ power on-off
ด้านบนจะมีช่องไมค์ตัดเสียงรบกวน(ASUS Noise Reduction Technology) และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ฝั่งซ้ายจะเป็นช่องใส่ถาดซิม ถาดซิมแบบ Triple slots ใช้ซิมขนาด nanoSIM ทั้งสองช่อง รองรับ 4G LTE+3G GSM และเพิ่ม microSD Card ได้อีกหนึ่งช่อง รองรับความจำสูงถึง 256GB
ขนาดตัวเครื่องเพียงแค่ 152.6 × 73 × 8.8 มม. และน้ำหนัก 160 กรัม แทบไม่อยากจะเชื่อว่ามาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,130 mAh
ระบบปฎิบัติการ
ASUS ZenFone Max Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบทับด้วย ZenUI 4.0 มีธีมมาให้เลือกปรับเปลี่ยนเยอะแยะ หน้าตาเมนูสวยงามใช้งานง่าย และมีการแจ้งเตือนที่ดี ตั้งแต่การแจ้งเตือนแบบเสียงและยังแจ้งเตือนเป็นตัวเลขบนไอคอนเมนูอีกต่างหาก ไม่พลาดการติดต่อแน่นอน
สำหรับ ASUS ZenFone Max Plus ยังมาพร้อมกับโหมดผู้สูงอายุที่ต้องการใช้งานง่ายดาย ตัวอักษรที่ใหญ่ชัดเจน อ่านง่าย กดง่าย/และยังมีโหมดสำหรับเด็กมาให้ เพื่อจำกัดการใช้งานของเด็ก ว่าเราต้องการให้เด็กใช้งานประมาณไหน เมนูอะไรบ้างก็เพียงแค่เปิดการใช้งานไว้ เมนุต่างๆก็จะถูกซ่อนเก็บไว้ภายใน เข้าไปใช้งานไม่ได้ ผมถือว่าทาง asus เขาใส่ใจเรื่องนี้มากครับ สองโหมดนี้อาจจะสำคัญมากสำหรับคนใช้งานบางกลุ่ม
ASUS ZenFone Max Plus ยังรองรับการใช้งาน 2 ID(Twin Apps) พร้อมกันได้ เผื่อมีความจำเป็นต้องการแยกการใช้งานสองยูสเซอร์ (งานและบ้าน) แถบนำทางอยู่ในหน้าจอ สามารถสลับตำแหน่งได้เพื่อความสะดวกของแต่ละคน และ ZenFone Max Plus ยังสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วน เผื่อต้องการใช้งานพร้อมๆกัน
ประสิทธิภาพการทำงาน
ASUS ZenFone Max Plus เลือกใช้ CPU Mediatek MT6750T CPU Octa-Core / GPU Mali-T860 ความแรงของชิปเซ็ทชุดนี้อยู่ในระดับกลางๆครับ ก็ไม่ได้แรงมากมายอะไรมากนัก แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปรวมทั้งเล่นเกมส์ 3D ได้บ้าง บนหน้าจอความละเอียด HD+ เท่าที่ผมทดลองใช้งานมาซักระยะการเล่นเกมส์ก็ถือว่าพอใจครับ อาจจะไม่แรงเหมือนฝั่งเรือธงมากนัก ส่วนการใช้งานด้านอื่นๆถือว่าทำได้ดี
คะแนนเมื่อทดสอบผ่าน antutu
หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด RAM 4GB (เปิดใช้งานจะเหลือคร่าวๆ 1.8GB) และ ROM 32GB รองรับ Micro Card สูงสุด 256GB เซนเซอร์ที่จำเป็นมีมาให้ครบพร้อมใช้งาน และยังรองรับ Fullnet Com 4G LTE+3G GSM ได้ด้วยนะจ๊ะ
ดูหนัง-ฟังเพลง
โหมดนี้ถือว่าจำเป็นมากสำหรับคนใช้สมาร์ทโฟน การดูหนังฟังเพลงถ้าภาพดีเสียงเพราะจะช่วยเพิ่มอรรถรสได้เยอะเลย หน้าจอของ ASUS ZenFone Max Plus ได้ดีพอสมควรและระบบเสียงยังมีโหมดปรับโทนเสียงมาให้ใช้งาน ชอบแบบไหนปรับเองได้เลย หรือจะเอาโหมดสำเร็จรูปก็พร้อมเสริฟให้ ทั้งโหมดดูหนัง เล่นเกมส์ ฟังเพลง
กล้องถ่ายภาพ
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f2.0 มาพร้อมกับเลนส์วาย สามารถเซลฟี่เป็นกลุ่มได้มากกว่า และยังมาพร้อมกับโหมดบิวตี้ที่เลือกปรับเฉพาะจุด ตั้งโครงใบหน้า ตา รวมไปถึงความเนียนของผิวได้ 10 ระดับ
หน้าตาเมนูกล้องหน้า
ภาพถ่ายจากกล้องหน้า ASUS ZenFone Max Plus
กล้องหลัง ASUS Zenfone Max Plus มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 16+8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา รูรับแสง f/2.0 ชนิด 6 ชิ้นเลนส์ ทำงานผ่าน PixelMaster 4.0 จะมีโหมดต่างๆมาให้ใช้งานทั้ง auto / HDR / Beauty / Portrait / Time Lapse / Panorama และโหมดเลือกปรับเอง
หน้าตาเมนู
ภาพถ่ายจากกล้องหลัง ASUS ZenFone Max Plus โหมด AUTO
ภาพถ่ายมุมกว้าง 120 องศา
แบตเตอรี่
หมดกังวลเรื่องการนำออกไปใช้งานนอกบ้านได้เลยเพราะ ASUS ZenFone Max Plus มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,130 mAh และยังทำงานผ่านโปรแกรม PowerMaster ของทาง ASUS ด้วย ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยในการจัดสรรพลังงานได้ดียิ่งขึ้น ตัวโปรแกรมจะวิเคราะห์การใช้งานให้ว่าเราใช้งานประเภทไหนอยู่ เช่นใช้โซลเชียลหรือเล่นเกมส์ จะตรวจจับแอพที่กินพลังงานเยอะๆแล้วจะแจ้งเตือนให้เราทราบอีกที รวมไปถึงการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น ไม่ใช่แค่ใช้งานได้ยาวนาน แต่ ASUS ZenFone Max Plus ยังใช้เป็น power bank เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์เครื่องอื่นได้ด้วย เรียกว่ามีเยอะแล้วยังรู้จักเผื่อแผ่คนอื่นอีก เรื่องการจัดสรรพลังงานถือว่าเป็นจุดเด่นจริงๆสำหรับ Max series
คุณสมบัติอื่นๆ
- หน้าจอป้องกันสายตาเมื่อใช้งานกลางคืน จะปิดโหมดโทนสีฟ้าออกไปครับ
- โหมดการช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน(Safeguard) เพียงกดปุ่ม power ติดกันเร็วๆสามครั้งตัวเครื่องก็จะโทรไปหาเบอร์ฉุกเฉินให้ หรือการส่งตำแหน่งปัจจุบัน รวมไปถึงข้อความ sms
- ระบบสแกนลายนิ้วมือ สามารถจดจำได้ 5 ลายนิ้ว ความเร็วในการสแกน 0.03 วินาที และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
สรุป
ASUS ZenFone Max Plus กับค่าตัว 6,990 บาท จุดเด่นหลักๆก็คงเป็นเรื่องการใช้งานได้ยาวนานของแบตเตอรี่ และยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ถือว่าเป็นรุ่นแรกของทางค่ายเลยครับ หน่วยความจำที่ให้มาถือว่าค่อนข้างเยอะ RAM 4GB/ ROM 32GB เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน กล้องหลังแบบคู่ Dual Camera อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในเวลานี้
และเพิ่มความคุ้มเข้าไปอีกสำหรับคนที่พรีออร์เดอร์ผ่าน Shopee ภายในวันที่ 16 – 23 มกราคมนี้ รับส่วนลดทันทีเหลือเพียง 5,870 บาท พร้อมรับฟรี Skin จากเกม ROV มูลค่า 500 บาทไปเลยฟรีๆ
You must be logged in to post a comment.