กรุงเทพฯ 27 พฤษภาคม 2565 – แคนนอน (Canon) ประกาศเปิดตัว Canon EOS R7 และ Canon EOS R10 กล้อง มิเรอร์เลส สองรุ่นแรกในระบบ EOS R ที่มาพร้อมเซนเซอร์รับภาพ APS-C ซึ่งถูกออกแบบเพื่อผู้ใช้งานที่ต้องการกล้องถ่ายรูปที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วสำหรับบันทึกภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว เช่น การแข่งขันกีฬา นก และภาพสัตว์ป่า โดยกล้องรุ่น Canon EOS R7 มอบประสิทธิภาพสูงด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้อง (In-Body Image Stabilization) มั่นใจในการออกภาคสนามด้วยการซีลป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ และช่องใส่การ์ด SD แบบ 2 สลอต ส่วนกล้องรุ่น Canon EOS R10 มาพร้อมแฟลชภายในรูปทรงเล็กกระทัดรัด ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพในชีวิตประจำวันทั่วไป นอกจากนี้แคนนอนยังเปิดตัวเลนส์ใหม่พร้อมกันอีก 2 รุ่น ได้แก่ RF-S 18-45MM F/4.5-6.3 IS STM และ RF-S 18-150MM F/3.5-6.3 IS STMเพื่อเติมเต็มประสิทธิภาพความคล่องตัวให้กับกล้องทั้งสองรุ่นนี้
“แคนนอนมีการขยายการผลิตสินค้าในระบบ EOS R มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการเปิดตัวในปี พ.ศ 2561 จนถึงปัจจุบันมีกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายรูปในระบบ EOS R กว่า 7 รุ่น และเลนส์ในระบบ RF มากกว่า 20 รุ่น และยังมีเลนส์ในระบบ EF และ EF-S มากกว่า 70 รุ่นที่สามารถใช้ร่วมกันได้โดยผ่าน Mount adapter EF-EOS R ทั้งกล้องรุ่น Canon EOS R7, Canon EOS R10 และเลนส์คิท Canon RF-S รุ่นใหม่ จึงตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสกับประสิทธิภาพของระบบ EOS R ได้มากยิ่งขึ้น” นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์อิมเมจคอมมูนิเคชั่น (กล้อง) บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว
สืบทอดเทคโนโลยีออโต้โฟกัสจาก Canon EOS R3
ด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลภาพ DIGIC X อันทรงประสิทธิภาพ ทั้ง Canon EOS R7 และ EOS R10 จึงเป็นกล้องรุ่นแรกที่สืบทอดระบบออโต้โฟกัสแบบใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในกล้อง Canon EOS R3 ด้วยเทคโนโลยีการตรวจจับวัตถุที่เกิดจากการเรียนรู้เชิงลึกของระบบ EOS iTR AF X ซึ่งสามารถตรวจติดตามวัตถุได้อย่างเหนียวแน่นทั่วทั้งบริเวณกรอบพื้นที่รับภาพแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานโหมดออโต้โฟกัสแบบ AF area อยู่ก็ตามเชื่อมั่นได้ว่าระบบออโต้โฟกัสตอบสนองฉับไวในขณะถ่ายภาพเคลื่อนไหว
ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงกับ RAW Burst Mode
Canon EOS R7 และ EOS R10 สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงได้ถึง 15 เฟรมต่อวินาทีทั้งใน Mechanical Mode และ Electronic First-curtain Shutter Mode พร้อมการตรวจจับ AF/AE ซึ่งถือว่ามีความเร็วสูงสุดไม่เพียงในกลุ่มกล้อง EOS APS-Cเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในตระกูล EOS R Series[1] อีกด้วย โดยถือว่ามีความเร็วเทียบเคียงกับกล้องCanon EOS 1DX Mark III ซึ่งเป็นกล้อง DSLR ระดับเรือธงของแคนนอนที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ที่ 16 เฟรมต่อวินาทีเมื่อใช้ช่องมองภาพออปติคอล
ในโหมดอิเล็กทรอนิกส์ ชัตเตอร์ กล้องรุ่น Canon EOS R7 สามารถถ่ายภาพที่ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซลได้ต่อเนื่องสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที ส่วนรุ่น Canon EOS R10 ถ่ายภาพต่อเนื่องที่ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลได้สูงสุด 23 เฟรมต่อวินาที[2]
กล้องทั้งสองรุ่นยังมีฟีเจอร์ RAW Burst Mode ซึ่งสามารถบันทึกภาพความละเอียดแบบไฟล์ RAW สูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที โหมดนี้ยังรองรับการถ่ายภาพล่วงหน้า (Pre-shooting) โดยจะเริ่มบันทึกภาพ 0.5 วินาทีก่อนการลั่นชัตเตอร์ ช่วยเก็บภาพในช่วงเวลาที่คุณไม่ทันคาดคิดได้อย่างทันท่วงที
พัฒนาใหม่ APS-C CMOS เซนเซอร์ และชิปประมวลผลภาพ DIGIC X
Canon EOS R7 และ EOS R10 ใช้เซนเซอร์รับภาพที่ถูกพัฒนาใหม่ในแบบ APS-C CMOS ที่ให้ภาพความละเอียด 32.5 และ 24.2 ล้านพิกเซลตามลำดับ เมื่อทำงานผสานกับชิปประมวลผลภาพ DIGIC X ทำให้ได้คุณภาพภาพถ่ายและความละเอียดของภาพที่เหนือระดับ โดยความความละเอียดภาพของ Canon EOS R7 ยังเหนือกว่ากล้อง Canon EOS 90D และ Canon EOS M6 Mark II แม้จะมีความละเอียดภาพในเมกะพิเซลที่เท่ากันก็ตาม ในขณะที่ Canon EOS R10 จะเทียบเท่ากับกล้องทั้งสองรุ่นดังกล่าว ดังนั้นไม่ว่าจะรายละเอียดของเส้นผมดุจใยไหม ผิวสัมผัสของเนื้อผ้า หรือรายละเอียดอันประณีตต่าง ๆ ก็สามารถเก็บภาพได้อย่างเที่ยงตรงและคมชัด
ระบบการป้องกันภาพสั่นไหว (Image Stabilization)
Canon EOS R7 คือกล้อง EOS APS-C รุ่นแรกที่ใช้กลไกป้องกันการสั่นไหวในตัวกล้องแบบ Sensor-shift 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวของภาพได้สูงสุด 8 สตอป[3] ทั้งในการบันทึกวิดีโอและถ่ายภาพนิ่ง โดยทั้ง Canon EOS R7 และ EOS R10 ยังมีฟีเจอร์ Movie Digital IS ซึ่งเป็นการป้องกันการสั่นไหวแบบ 5 แกน เพื่อให้การบันทึกวิดีโอราบเรียบไม่สั่นไหวแม้จะใช้ร่วมกับเลนส์ที่ไม่มีระบบกันสั่นแบบออปติคอลในตัวเลนส์
คุณภาพงานวิดีโอขั้นสุด
เอาใจสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้านงานวิดีโอ กล้อง Canon EOS R7 สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดระดับ 4K UHD สูงถึง 30P บน 7K Oversampling ในโหมด 4K UHD Fine แบบใหม่ ทั้งยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบไม่ครอปบนได้ที่ความละเอียด 4K 60P ได้ใน 4K UHD Standard Mode นอกจากนี้ ยังเป็นกล้อง EOS APS-C รุ่นแรกที่รองรับ Log 3 gamma ซึ่งเหมาะสำหรับการปรับแต่งสีและงานผลิตวิดีโอแบบ HDR
ส่วน Canon EOS R10 สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K UHD Fine 30p บน 6K Oversampling โดยทั้งสองรุ่นสามารถถ่ายวิดีโอ 4K HDR PQ ได้อีกด้วย
เอ็ฟเฟ็กต์เทเลโฟโต้แบบบิลต์อิน: การถ่ายภาพระยะไกลแบบเต็มความละเอียด
จุดแข็งของกล้องเซนเซอร์ APS-C คือการมีเอ็ฟเฟ็กต์ระยะเทเลโฟโต้มาให้ในตัว เสมือนมีอุปกรณ์ต่อขยายทางยาวโฟกัสเลนส์ในตัว ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ใช้งานที่มักใช้กล้องในการถ่ายภาพสัตว์ป่า นก และวัตถุอื่น ๆ ที่ต้องการความยาวโฟกัสมากขึ้น โดยค่าขอบเขตการมองเห็นจะถูกซูมเข้าโดยอัตโนมัติประมาณ 1.6 เท่าของทางยาวโฟกัสที่ระบุไว้บนชุดเลนส์ ซึ่งแตกต่างจากการใช้วิธีครอปภาพที่ระยะ 1.6 บนกล้อง EOS R แบบฟูลเฟรม เพราะจะไม่ลดความละเอียดของภาพบนเซนเซอร์รับภาพ
เมื่อถ่ายวิดีโอด้วย Canon EOS R7 สามารถใช้งานฟังก์ชั่นการครอป 1.6x APS-C ร่วมกับ 4K UHD Crop Mode เพื่อให้ได้เอ็ฟเฟ็กต์เทเลโฟโต้ที่มากขึ้นที่ 1.8 เท่าของทางยาวโฟกัส
พกพาง่าย ราคาสบายกระเป๋า
เซนเซอร์รับภาพ APS-C มีขนาดประมาณ 40% บนเซนเซอร์รับภาพ แบบฟูลเฟรมขนาด 35 มม. ทำให้สามารถออกแบบบอดี้กล้องและระบบเลนส์ให้มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบา พกพาง่าย จับถือได้ถนัดมือ และในราคาที่หลายท่านเป็นเจ้าของได้
ด้วยการเลือกใช้วัสดุและการออกแบบโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้แคนนอนสามารถลดน้ำหนักกล้องได้มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกล้อง DSLR ทั่วไป การปรับปรุงด้านการลดน้ำหนักยังเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์คิท RF-S รุ่นใหม่ ซึ่งทำให้ลดน้ำหนักโดยรวมได้มากถึง 24%
Canon EOS R7: น้ำหนัก 612 กรัม (โดยประมาณ) | Canon EOS R7 และRF-S 18-150MM F/3.5-6.3 IS STM: น้ำหนัก 922 กรัม (โดยประมาณ) |
Canon EOS 90D: น้ำหนัก 701 กรัม (โดยประมาณ) | Canon EOS 90D และ EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS USM: น้ำหนัก 1,216 กรัม (โดยประมาณ) |
(น้ำหนักลดลงประมาณ 12%) | (น้ำหนักน้อยลงประมาณ 24%) |
Canon EOS R10: น้ำหนัก 429 กรัม (โดยประมาณ) | Canon EOS R10 และ RF-S 18-45MM F/4.5-6.3 IS STM: น้ำหนัก 559 กรัม (โดยประมาณ) |
Canon EOS 850D: น้ำหนัก 515 กรัม (โดยประมาณ) | Canon EOS 850D และ EF-S18-55mm f/4-5.6 IS STM: น้ำหนัก 730 กรัม (โดยประมาณ) |
(น้ำหนักลดลงประมาณ 17%) | (น้ำหนักลดลงประมาณ 24%) |
ช่องเสียบแฟลชมัลติฟังก์ชั่นรุ่นใหม่
กล้อง Canon EOS R7 และ EOS R10 ได้รับการติดตั้งช่องเสียบแฟลชมัลติฟังก์ชั่นรุ่นใหม่ แบบเดียวกับ Canon EOS R3 ที่รองรับการสื่อสารความเร็วสูงและการต่อสาย audio input ช่วยเพิ่มขอบเขตการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย เช่น แฟลช Speedlites เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นละอองและความชื้นของช่องเสียบแฟลชมัลติฟังก์ชั่นแนะนำให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม SHOE COVER (จำหน่ายแยก)
ปลดล็อคทุกข้อจำกัดของการใช้งานร่วมกับเลนส์ RF และ EF/EF-S
นอกจากเลนส์ RF-S ที่พัฒนามาเพื่อใช้กับกล้อง Canon EOS R7 และ EOS R10 กล้องทั้งสองรุ่น ยังสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ RF ของกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม และใช้ได้กับเลนส์ EF และ EF-S ผ่าน Mount adapter EF-EOS R เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ของกล้องฟูลเฟรม เอ็ฟเฟ็กต์เทเลโฟโต้ 1.6 เท่าก็จะเปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ และนอกจากนี้กล้องทั้งสองรุ่นไม่สามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ EF-M ได้
ฟีเจอร์ใหม่เพื่อระเบิดพลังแห่งการสร้างสรรค์
Canon EOS R7 และ EOS R10 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น เพื่อทำให้ขั้นตอนการทำงานราบรื่นและเอื้อต่อการแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมีทั้งฟีเจอร์ Panorama Shot, SCN mode แบบใหม่ และ Panning SCN mode ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยระบบป้องกันการสั่นไหวภาพที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้การแพนภาพที่สวยงาม นอกจากนี้ Depth Compositing mode ที่ติดตั้งมาในตัวกล้องยังช่วยรวมภาพที่ถ่ายคร่อมระยะโฟกัส (focus bracketed images) เพื่อให้ได้ภาพที่มีโฟกัสชัดเจนตั้งแต่ส่วนหน้าไปจนถึงส่วนหลังของภาพ กล้อง Canon EOS R7 ยังมีฟังก์ชั่นการปรับระดับอัตโนมัติแบบใหม่ที่จะตรวจจับและหมุนเซนเซอร์รับภาพให้โดยอัตโนมัติเพื่อปรับภาพที่เอียงให้ตั้งตรงทั้งในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ ช่วยประหยัดเวลาและแรงของผู้ใช้ในการปรับกล้องให้ตั้งตรงในขณะถ่าย
กล้องทั้งสองรุ่นยังเพิ่มประสิทธิภาพการปรับอุณหภูมิสีที่แม่นยำมากขึ้น ด้วยอัลกอริทึมอุณหภูมิสีออโต้รูปแบบใหม่ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกของระบบ
เลนส์ระบบ RF-S ครั้งแรกของแคนนอน: Canon RF-S 18-45mm F/4.5-6.3 IS STM และ RF-S 18-150mm F/3.5-6.3 IS STM
นอกจากการเปิดตัว Canon EOS R7 และ EOS R10 แคนนอนยังนำเสนอเลนส์คิทรุ่น Canon RF-S 18-45mm F/4.5-6.3 IS STM และ RF-S 18-150mm F/3.5-6.3 IS STM เพื่อให้เป็นเลนส์ชุดแรกสำหรับผู้ใช้มือใหม่ของระบบ EOS R ด้วยการลดขนาดและน้ำหนักจากการใช้เซนเซอร์รับภาพ APS-C ที่เล็กลง ทำให้ทั้งสองรุ่นมีขนาดและน้ำหนักกล้องแทบจะเท่ากัน ซึ่งพกพาง่ายเหมือนกับรุ่น EF-M แต่มอบประโยชน์จากเมาท์แบบ RF ที่มีขนาดใหญ่กว่า
เลนส์ Canon RF-S 18-45mm F/4.5-6.3 IS STM เป็นเลนส์ซูมมาตรฐานที่มีทางยาวโฟกัสเทียบเท่าระยะ 29-72มม. บนรูปแบบฟูลเฟรม มอบมุมมองกว้างให้กับการถ่ายเทเลโฟโต้ระดับกลาง เหมาะสำหรับการเก็บภาพประทับใจในชีวิตประจำวัน กระบอกเลนส์ยาวประมาณ 44.3 มม. และน้ำหนักประมาณ 130 กรัม ทำให้มีขนาดเท่ากับเลนส์ Canon EF-M15-45mm f/3.5-6.3 IS STM
สำหรับเลนส์ Canon RF-S 18-150mm F/3.5-6.3 IS STM เป็นเลนส์ซูเปอร์ซูมที่ครอบคลุมทางยาวโฟกัสเทียบเท่าระยะ 29-240 มม. บนรูปแบบฟูลเฟรม เป็นเลนส์เพื่อการเดินทางแบบอเนกประสงค์ ให้การถ่ายภาพได้ในระยะไกล นอกจากการเก็บภาพในชีวิตประจำวัน จึงยังเหมาะกับการเก็บภาพทิวทัศน์ระยะไกล เกมกีฬา นก และภาพสัตว์ป่า โดยกระบอกเลนส์มีน้ำหนักประมาณ 310 กรัม และความยาวประมาณ 84.5 มม. เท่ากับเลนส์ Canon EF-M18-150mm f/3.5-6.3 IS STM
นอกจากนี้เลนส์ Canon RF-S ยังสามารถใช้งานร่วมกับกล้องระบบ EOS R มิเรอร์เลสฟูลเฟรมได้โดยตรงแต่จะเปิดการครอป 1.6 เท่าโดยอัตโนมัติ
####
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ชื่อรุ่นกล้อง | Canon EOS R7 | Canon EOS R10 | |
ซิปประมวลผลภาพ | DIGIC X | DIGIC X | |
เซนเซอร์รับภาพ
ความละเอียดภาพ |
เซนเซอร์ CMOS APS-C | เซนเซอร์ CMOS APS-C | |
32.5 ล้านเมกะพิกเซล | 24.2 ล้านเมกะพิกเซล | ||
ระบบวัดแสง | 384 โซน (24 × 16) โดยใช้สัญญาณเอาท์พุตของเซนเซอร์รับภาพ | 384 โซน (24 × 16) โดยใช้สัญญาณเอาท์พุตของเซนเซอร์รับภาพ | |
ระบบออโต้โฟกัส | ออโต้โฟกัสแบบเฉพาะจุด (Spot AF), ออโต้โฟกัสแบบจุดเดียว (1-point AF), ออโต้โฟกัสแบบขยายพื้นที่รอบๆ (Expand AF area – บน / ล่าง / ซ้าย / ขวา หรือรอบๆ), ออโต้โฟกัสแบบโซนยืดหยุ่น (Flexible Zone AF 1 / 2 / 3), ออโต้โฟกัสแบบพื้นที่ทั้งหมด (Whole area AF) | ออโต้โฟกัสแบบเฉพาะจุด (Spot AF), ออโต้โฟกัสแบบจุดเดียว (1-point AF), ออโต้โฟกัสแบบขยายพื้นที่รอบๆ (Expand AF area – บน / ล่าง / ซ้าย / ขวา หรือรอบๆ), ออโต้โฟกัสแบบโซนยืดหยุ่น (Flexible Zone AF 1 / 2 / 3), ออโต้โฟกัสแบบพื้นที่ทั้งหมด (Whole area AF) | |
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (IS) | ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน (ภาพนิ่ง/ภาพเคลื่อนไหว) | Movie Digital IS | |
Movie Digital IS | |||
ค่าความไวแสง (ISO) | ภาพนิ่ง: 100–32,000 (H:51,200) | ภาพนิ่ง: 100–32,000 (H:51,200) | |
ภาพเคลื่อนไหว: 100–12,800 | ภาพเคลื่อนไหว: 100–12,800 | ||
Log movies: ISO 800–12,800 (L:100-640, H:16,000 – 25,600) | |||
HDR PQ movies: ISO 100–12,800 | HDR PQ movies: ISO 100–12,800 | ||
การถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง | Mechanical shutter & Electronic 1st curtain: 15 fps | Mechanical shutter & Electronic 1st curtain: 15 fps | |
Electronic shutter: 30 fps | Electronic shutter: 23 fps | ||
ความเร็วซัตเตอร์สูงสุด | 1/16,000 วินาที. | 1/16,000 วินาที. | |
ช่องมองภาพ | หน้าจอ OLED ขนาด 0.39 นิ้ว 2.36 ล้านจุด (โดยประมาณ) | หน้าจอ OLED ขนาด 0.39 นิ้ว 2.36 ล้านจุด (โดยประมาณ) | |
อัตรารีเฟรชเรต 59.94/119.88 เฟรมต่อวินาที | อัตรารีเฟรชเรต 59.94/119.88 เฟรมต่อวินาที | ||
การถ่ายภาพเคลื่อนไหว | 4K UHD Fine (3840 x 2160) | 4K UHD (3840 x 2160) | |
29.97 fps / 23.98 fps (NTSC) | 29.97 fps / 23.98 fps (NTSC) | ||
25.00 fps (PAL) | 25.00 fps (PAL) | ||
4K UHD (3840 x 2160) | 4K UHD Crop (3840 x 2160) | ||
59.94 fps / 29.97 fps / 23.98 fps (NTSC) | 59.94 fps (NTSC) | ||
50.00 fps / 25.00 fps (PAL) | 50.00 fps (PAL) | ||
4K UHD Crop (3840 x 2160) | |||
59.94 fps (NTSC) | |||
50.00 fps (PAL) | |||
Full HD (1920 x 1080) | Full HD (1920 x 1080) | ||
119.88 fps / 59.94 fps / 29.97 fps / 23.98 fps (NTSC) | 119.88 fps / 59.94 fps / 29.97 fps / 23.98 fps (NTSC) | ||
100.00 fps / 50.00 fps / 25.00 fps (PAL) | 100.00 fps / 50.00 fps / 25.00 fps (PAL) | ||
ระยะเวลาในการบันทึกภาพเคลื่อนไหวสูงสุด | บันทึกแบบปกติ: 6 ชั่วโมง
บันทึกแบบอัตราเฟรมเรตสูง: 1 ชั่วโมง 30 นาที |
บันทึกแบบปกติ: 2 ชั่วโมง | |
บันทึกแบบอัตราเฟรมเรตสูง: 30 นาที | |||
การบันทึกข้อมูล | • ช่องเสียบการ์ด 2 ช่อง (สำหรับแมมโมรี่การ์ดแบบ SD, SDHC*, SDXC*) | • ช่องเสียบการ์ด 1 ช่อง (สำหรับแมมโมรี่การ์ดแบบ SD, SDHC*, SDXC*) | |
*เข้ากันได้กับการ์ด UHS-II | *เข้ากันได้กับการ์ด UHS-II | ||
แบตเตอรี่ | รุ่น LP-E6NH / LP-E6N / LP-E6 | รุ่น LP-E17 | |
สายชาร์จ USB และชุดจ่ายไฟต่อเนื่อง | รองรับการชาร์จอแดปเอตร์แบบ PD-E1 ผ่านสาย USB / | รองรับการชาร์จอแดปเอตร์แบบ PD-E1 ผ่านสาย USB / | |
AC Power (AC Adapter AC-E6N และ DC Coupler DR-E6) | AC Power (AC Adapter AC-E6N และ DC Coupler DR-E18) | ||
ขนาด | 132.0 x 90.4 x 91.7 มม. (โดยประมาณ) | 122.5 x 87.8 x 83.4 มม. (โดยประมาณ) | |
น้ำหนัก | 612 กรัม โดยประมาณ (รวมแบตเตอรี่และการ์ด) | 429 กรัม โดยประมาณ (รวมแบตเตอรี่และการ์ด) | |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi / Bluetooth Low Energy Technology | Wi-Fi / Bluetooth Low Energy Technology | |
ชื่อรุ่นเลนส์ | RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM | RF-S18-45mm f/4.5-6.3 IS STM | |
ทางยาวโฟกัส | 18-150 มม. | 18-45 มม. | |
รูรับแสงกว้างสุด | f/3.5–6.3 | f/4.5-6.3 | |
ระยะโฟกัสใกล้สุด |
โหมด AF: 0.17ม. (ที่ระยะ 18 มม.) / 0.56ม. (ที่ระยะ 35 มม.) โหมด MF: 0.12ม. (ที่ระยะ 18 มม.) / 0.39ม. (ที่ระยะ 24 มม.) |
โหมด AF: 0.2ม. (ที่ระยะ 18 มม.) / 0.35ม. (ที่ระยะ 45 มม.)
โหมด MF: 0.15ม. (ที่ระยะ 18 มม.) / 0.25ม. (ที่ระยะ 45 มม.) |
|
กำลังขยายสูงสุด | 0.44x (AF, f=50mm; MF, f=18mm,50mm) | [AF mode] | |
0.14x (at 18mm), 0.16x (at 45mm) | |||
[MF mode] | |||
0.25x (at 18mm), 0.26x (at 45mm) | |||
โครงสร้างเลนส์ | 17 elements in 13 groups | 7 elements in 7 groups | |
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง | Ø55 มม. | Ø49 มม. | |
จำนวนม่านรูรับแสง | 7 | 7 | |
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (ตามมาตรฐาน CIPA) | สูงสด 4.5 สต็อป | สูงสด 4 สต็อป | |
การทำงานของระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้องร่วมกับแบบออปติคอลในเลนส์ | สูงสด 7 สต็อป | สูงสด 6.5 สต็อป | |
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาว | ประมาณ 69.0 มม. x 84.5 มม. | ประมาณ 69.0 มม. x 44.3 มม. | |
น้ำหนัก | 310 กรัม (โดยประมาณ) | 130 กรัม (โดยประมาณ) | |
[1] ในบรรดากล้องตระกูล EOSR ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2565
[2] ขึ้นอยู่กับลักษณะของวัตถุหรือสภาวะการถ่ายภาพ อาจเกิดการบิดเบี้ยวของภาพชัตเตอร์ได้
[3] เมื่อติดเลนส์ RF24-105mm f/4 L IS USM (f = 105 มม., ทิศทางการเอียง/เอียง, เป็นไปตามมาตรฐาน CIPA)
You must be logged in to post a comment.