แอลจีประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 สร้างความสำเร็จทั้งด้านรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์    

กรุงโซล2 พฤศจิกายน 2563 – แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 มีรายได้รวม 14.24 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.41 แสนล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงาน 807.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.50 หมื่นล้านบาท) สร้างสถิติยอดขายและผลกำไรประจำไตรมาสที่ 3 สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 62 ปีของแอลจี เป็นผลมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งมียอดขายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 และผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รายงานรายได้ประจำไตรมาสที่ 3 ที่ 5.18 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.61 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จาก ไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายประจำไตรมาสสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์จาก ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี SteamTM เช่น เครื่องซักผ้าและตู้ถนอมผ้า LG Styler และยังได้สร้างสถิติผลกำไรจากการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 565.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.6 จากไตรมาสเดียวกันกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ กำไรจากการดำเนินงานที่ร้อยละ 10.9 ยังนับเป็นการสร้างกำไรจากการดำเนินงานประจำไตรมาสในอัตราเลขสองหลักต่อเนื่องเป็นครั้งที่สาม และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 จากกลยุทธ์ในการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกาศยอดขายในไตรมาสที่ 3 ที่ 3.09 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 9.58 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากความต้องการที่สูงขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม เช่น ทีวี OLED และทีวีขนาดใหญ่ ในตลาดที่เติบโตเต็มที่อย่างอเมริกาเหนือและยุโรป ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 274.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 8.52 พันล้าน) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 13.2 เป็นผลจากแผนการลงทุนด้านการตลาดที่มีกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น แม้จะต้องประสบความท้าทายจากราคาจอ LCD ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าสานต่อความสำเร็จด้วยการเพิ่มสัดส่วนทีวี พรีเมียมและยอดขายทางออนไลน์มากขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ สร้างยอดขาย 1.28 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.79 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาสที่ 3 ยังคงระดับต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 16.5 ในขณะที่ผลการดำเนินงานขาดทุนน้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่ 124.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.87 พันล้านบาท) เนื่องจากการเพิ่มศักยภาพในการผลิต การลดต้นทุนจากการผลิตสินค้าแบบ ODM (original design manufacturing) และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดรวม ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะเสริมความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดรวมในอเมริกาเหนือและละตินอเมริกา พร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เผยรายได้ประจำไตรมาสที่ 1.39 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.31 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานขาดทุน 55.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.73 พันล้านบาท) ซึ่งขาดทุนน้อยลงกว่าไตรมาสที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากจากการเริ่มต้นการผลิตแบบ OEM อีกครั้ง รวมถึงการบริหารต้นทุนในอเมริกาเหนือและยุโรป โดยในไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ ได้วางแผนเพิ่มยอดขายจากการบริหารจัดการซัพพลายเชนอย่างจริงจัง และเพิ่มผลกำไรมากขึ้นด้วยการจัดการต้นทุนที่ดียิ่งขึ้น
กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร สร้างยอดขายในไตรมาสที่ 3 ที่ 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.88 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 จากไตรมาสก่อนหน้านี้ และลดลงร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 64.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.01 พันล้านบาท) ลดลงร้อยละ 31.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และลดลงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรให้ดียิ่งขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ทางบริษัทวางแผนที่จะเน้นให้ความสำคัญกับโอกาสในการเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางดิจิทัลมากยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ และดำเนินกิจกรรมทางการตลาดแบบออนไลน์อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสที่ 3 ปี 2563
รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2563 อยู่ที่ 31 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)
срочно нужны деньги на карту сегодня zaymi-bistro.ru моментальный займ на киви кошелек онлайн

Related articles

Write-Up (Reverse Engineering) : กิจกรรม SWU CTF แข่งขันชิงธงจาก มศว. สำหรับน้อง ๆ สาย Cybersecurity

ผมคิดว่าหลาย ๆ คนที่เคยอ่านเรื่องราวของผมมาบ้าง น่าจะพอทราบกันดีว่าปกติผมสอบใบเซอร์อย่างเดียว ไม่ได้เคยลองทำงานหรือลงแข่งในสนามจริงของ Cybersecurity มากนัก โดยเฉพาะฝั่ง Red...

แนะนำ 5 ดิสโทร Linux สำหรับมือใหม่โยกย้ายจาก Windows

เมื่อ Windows 10 กำลังจะหยุดการสนับสนุนในปี 2025 เรามีทางเลือกหลายทางเลือก (อ่านเพิ่มเติมที่นี่) ทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่อยากไปต่อกับ Windows...

5 ทางเลือกของคุณ เมื่อ Windows 10 หยุดซัพพอร์ต

14 ตุลาคมนี้ Microsoft จะยุติการซัพพอร์ต Windows 10 อย่างเป็นทางการนะครับ อาจมีเพื่อน ๆ...

วิเคราะห์ลิงก์ปลอม แจก Steam Gift ขโมย Username/Password ผู้ใช้ !!

นั่งคอมอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ก็มีแชตเด้งจากใน Steam ขึ้นมา เป็นลิงก์แจก Steam...

แชร์ประสบการณ์สอบ TryHackMe PT1 – เจาะระบบสำหรับ Junior จริงหรือเปล่า?

เพิ่งสอบ PJPT ไปหมาด ๆ (อ่านรีวิว PJPT ได้ที่นี่) ผมก็ต่อใบเซอร์อีกค่ายเลย นั่นคือ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า