มาทำความรู้จัก 4K TV และ UHD รายละเอียดที่ทุกคนควรรู้จักเอาไว้เกี่ยวกับ Ultra HD
ทุกๆบริษัทของผู้ผลิต television จะนิยมชมชอบกับขนาดหน้าจอทีวีที่จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆและสามารถยัดระบบ 4K (หรือ Ultra HD, หรืออาจจะเป็น UHD?) เข้าไปได้นั้นย่อมจะเป็นจุดที่ทำเงินให้กับสินค้านั้นๆ.
คำอธิบายที่พื้นฐานที่สุดสำหรับ 4K ก็คือค่าความละเอียด/resolution ของ TV set (หรือจำนวน pixels ที่ถูกนำมาสร้างภาพ), แต่ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยแบบไม่หยุดเพราะเทคโนโลจีสมัยใหม่ที่เอื้อให้จึงนำมาสู่การพัฒนารูปแบบใหม่ๆโดยเฉพาะความละเอียดของภาพที่ถูกปล่อยออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
The best 4K TV of 2016
4K เป็นอะไรที่เห็นอยู่ทั่วไปในปีนี้โดยเฉพาะในงานแสดงสินค้าตลาดปุปกรณ์ไฟฟ้าผู้บริโภคใน Las Vegas, และจุดเด่นของมันในด้านความละเอียด/resolution ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทำให้รู้สึกน่าตื่นตาตื่นใจกว่าเมื่อเทียบกับ 3D TVs ที่ไม่ค่อยจะรอดเสียเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่ยังฉุดความนิยมหรือการที่จะได้เป็นเจ้าของนั้นก็เป็นเรื่องราคาซึ่งเทคโนโลจีไปไกลแล้ว แต่ราคานั้นเอื้อมไม่ถึงอาจจะต้องรอจนกระทั้งความนิยมบวกับความต้องการที่มีจำนวนมากจนสามารถทำให้มันเป็นค่าพื้นฐานที่ต้องมีนั้นอาจจะทำให้การจับจองทำได้ง่ายขึ้น
และระบบ 4K ก็อาจจะไม่ใช่เป็นสิ่งที่คุณจะตัดสินใจที่จะซื้ออีกต่อไปก็ได้เพราะเทคโนโลจีที่เข้ามาใหม่เรื่อยๆเช่น High-Dynamic Range, Quantum Dot และ OLED panels ก็มีมาให้เลือกเพิ่มขึ้น
What is 4K?
คำอธิบายนั้นง่ายตรงตัวและน่าทึ่ง: 4K Ultra HD TVs (หรืออีกชือก็คือ UHD TVs) ซึ่งมีภาคจ่ายภาพที่มากกว่าถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับ 1080p Full HD, จำนวนทั้งหมดก็คือ 8 ล้าน pixels เปรียบเทียบกับ 2 ล้าน pixels.
ความหมายก็คือความละเอียด/ความชัดเจนนั้นสูงกว่า ภาพที่ได้คมชัดกว่า สมจริงกว่าและภาพที่ได้สะอาดและนุ่มนวลกว่ามาก
แต่เป็นแค่เพียงเริ่มต้น หากกล่าวถึงผู้ให้บริการทางด้านออกอากาศ/broadcasters ซึ่งหวังเอาไว้ว่าอยากจะอัพเกรดตัวเองให้ได้ถึงระดับ 4K banner. ในอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น BBC และ BSkyB กำลังจะทำให้มันเป็นไปได้ด้วยทุกวิถีทาง จากการอัพเกรดตัว frame rates ให้สูงขึ้น ให้ความสว่างที่มากขึ้นและเฉดสีที่มีให้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตทีวีรายใหญ่ๆเช่น Samsung, LG และ Sony ได้แยกหรือจำแนกออกมาอีกสอง form ใหญ่ๆที่เรียกว่า UHD Alliance/เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับวงการ จอภาพ
แต่หากจะพูดถึงผู้ที่ขับเคี่ยวอยู่ในวงการ 4K broadcast เค้าก็จะบอกว่า เทคโนโลจีนี้ได้เป็นสิ่งพื้นฐานไปแล้วทุกคนสามารถจับต้องได้ คุณกำลังเข้าใจได้ถูกแล้ว
Ultra HD กำลังจะเป็นระบบพื้นฐานซึ่งยังต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเป็นจริงแต่ก็คงไม่ต้องมานั่งรอจนกว่าจะถึงวันนั้นหากคุณต้องการที่จะอัพเกรดทีวีที่บ้าน มีการคาดเดาเอาไว้ว่า ระบบ 8K ทีวีจะขายได้เป็นล้านเครื่องในปี 2019
Difference between Ultra HD and 4K/ความแตกต่างกันของสองระบบ
คำว่า “Ultra High Definition” เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งใน 4K digital cinema standard/เป็นพื้นฐานของวงการภาพยนต์ ในโรงภาพยนต์ภาคจ่ายภาพนั้นจะแสดงออกมาที่ความละอียดที่ 4096 x 2160 4K resolution, ส่วนตัว Ultra HD ที่อยู่ในระดับตลาดผู้บริโภคจะมีความละเอียดที่ 3840 X 2160 มีค่าลดลงมาเล็กน้อย.
นี้จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทางผู้ผลิตจอภาพทั้งหลายมักจะไม่ใช้คำว่า 4K บนสติ๊กเกอร์ แต่จะไปใช้คำว่า Ultra HD หรือ UHD แทน.
Why should I care about 4K Ultra HD/แล้วทำไมต้องไปสนใจหล่ะ?
น่าจะมีเหตุผลมากพอสำหรับคำว่า 4k หากคุณคิดที่จะซื้อทีวีเครื่องต่อไป ช่างถ่ายภาพมักจะทำงานและแก้ไขภาพในจอภาพที่เป็น HD TV แต่ว่าในส่วนของเศษเล็กๆน้อยๆที่ยังต้องมีการแก้ไขเพิ่มมักจะปรากฎอยู่หากนำภาพที่แก้ไขแล้วไปดูในจอภาพระบบ 2160p.
ระบบ 4K display จะมีประสิทธิภาพในการตรวจและแสดงรายละเอียดได้ดีกว่าและข้อแตกต่างก็น่าอัศจรรย์ ส่วน 3D ก็จะออกมาแบบเพี้ยนๆ แต่ระบบ 4K ทำได้น่าทึ่งมากหรือกล่าวง่ายๆว่า รายละเอียดที่สูงกว่าก็จะดีกว่านั้นเอง.
ด้วยความละเอียดและหนาแน่นของ pixel ที่มีมากขึ้นในระบบ 4K panel คุณสามารถที่จะเห็นภาพได้คมชัดไม่ว่าในจอภาพจะกำลังจ่ายภาพที่มีเส้นขอบที่เยอะไปหมด สามารถเห็นได้เด่นชัดขึ้นโดยเฉพาะกับทีวีที่มีขนดใหญ่ๆก็ตามก็จะได้ภาพที่ไม่แตกต่างกัน และในปัจจุบันนี้จอทีวีก็มีขนาดที่ใหญ่กว่า 50 นิ้วขึ้นไปพร้อมด้วยระบบ 4K Ultra HD TVs มีให้เลือกอยู่มากมาย
Projectors/เครื่องฉาย
ในด้านการตลาด 4K UHD TVs กำลังเป็นระบบที่มาแรง แต่ในส่วนเครื่องฉายนั้น/video projectors ไม่เหมือนกัน จะมีผู้เล่นก็เพียงของ Sony ที่นำระบบ 4K models มาใส่ไว้,เป็นสินค้าระดับ high-end รุ่น quasi pro VPL-VW1100ES และ home cinema รุ่น VPL-VW500ES.
ณ ขณะนี้ยังไม่มีระบบ 4K solution สำหรับ LCD, D-ILA หรือ DLP projectors ในตลาดผู้บริโภค, แต่ก็ไม่แน่เพราะทาง Texas Instruments กำลังงวดอยู่กับ 4K DLP chipset รุ่นแรกสำหรับ home hardware.
Ultra HD Premium/ระบบมาตรฐานเกรดพรีเมี่ยม
หากคุณกำลังงงอยู่กับคำย่อ หรือชื่อที่ใช้เรียกระบบต่างๆอยู่นั้น ใช่เลยครับ UHD Alliance เป็นกลุ่มหรือองค์หน่วยหนึ่งที่จะมาแยกแยะระบบหรือทีวีเทคโนโลจีต่างให้มันเข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับ จอภาพใหม่ๆที่กำลังหรือพัฒนาออกมา
องค์กร UHD Alliance มีสมาชิกจากบริษัททั้งหมด 35 แห่งด้วยกัน รวมถึงผู้ผลิตทีวีด้วยเช่น LG, Panasonic, Samsung, Toshiba, Sony, Sharp, ด้านระบบเสียงก็มี Dolby, และด้านฟิลม์ และผู้ผลิตรายการทีวีก็มี Netflix และ 20th Century Fox ร่วมรวมตัวอยู่ด้วย
แนวความคิดก็คือ ส่วนไหนหรือสินค้าใดที่ควรจะมีระบบ UHD ร่วมอยู่ด้วย เช่น ทาง Disney สามารถสร้างหนังที่ทาง Netflix จะสามารถจ่ายภาพหรือแพร่ภาพผ่านทาง Samsung TV, และแน่นอนทางด้านคุณภาพของภาพก็ต้องเป็นชนิดหรือคุณภาพที่ทาง ผู้กำกับของทาง Disney หวังผลลัพธ์ที่จะได้ออกมาเช่นกัน.
ผลที่ได้รับจากการรวมกลุ่มขององค์กรนี้ก็คือทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ขึ้นทางด้าน ผู้ผลิตทีวี และเครื่องเล่นบลูเรย์ ต่างๆ จะต้องมีขีดความสามารถในการรองรับไม่ว่าจะเป็นที่เนื้อหาหรือการผลิตสินค้าอุปกรณ์ทางด้านภาพและเสียง
ณ ขณะนี้ หากจะให้ยึดมั่นในตัวหรือมาตรฐานของ UHD Premium specification ในปี 2016 ตัวสินค้าอย่างน้อยต้องมีขีดความสามารถได้ที่ 3840×2160 เป็นอย่างน้อย. จะต้องจ่ายภาพได้ขนาด 10-bit colour depth, เฉดสีต้องไม่น้อยไปกว่า 1,024 shades ของตัวแม่สี red, green และ blue, และยังต้องผ่านมาตรฐาน 256 ที่ตอนนี้อยู่ที่ 8-bit standard.
ตัว TV ต้องสามารถแสดงหรือจ่ายภาพที่ให้ความสว่างหรือด้านความมืดตัว pixels สำหรับ การใช้ HDR ได้ (แสง 0.05 ถึง 1,000 ‘nits’ สำหรับ LEDs และ 0.0005 ถึง 540 ‘nits’ สำหรับ OLED ). การยึดกฎและค่ามาตรฐานนี้หมายความว่า ดำก็ต้องมือสนิทไม่ใช่เทา และ ขาวก็ต้องสว่างเด่นขึ้นมา
และยังมีอีกหลายอย่างที่เป็นกฎค่ามาตรฐานเช่น BT.2020 color representation/ความลึก ความละเอียด เฟรมเรท และเฉดสีของภาพเป็นต้น และ SMPTE/(Society of Motion Picture and Television Engineers®) ST2084/(standard) EOTF/(Electo-Optical Transfer Function) เป็นระบบมาตรฐานจากองค์กรหนึ่งที่ใช้เทคนิคในการบีบแสงในระบบทีวี HVR
หลังจากที่ได้รู้จักกัยมาตรฐานต่างๆเป็นอย่างดีแล้วครั้งต่อไปที่จะซื้อทีวีก็คงจะเข้าได้ง่ายขึ้นว่า ระหว่าง Ultra HD Premium กับ 4K ได้ดีขึ้น ไม่ต้องกังวลใจว่า ภาพยนต์ที่คุณได้ซื้อมาเป็นระบบ 4K และจะไม่สามารถเล่นได้กับ ‘Ultra HD Premium’ เพราะทั้งสองโลโก้นี้จะเป็นที่เห็นกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆในอีกหลายปีข้างหน้า
Except of course it’s not that simple/การยอมรับอาจจะไม่ง่ายเพียงนั้น.
Samsung และ Panasonic ต่างก็ชอบในมาตรฐานอันใหม่นี้เพราะทั้งสองมีสินค้าที่เป็นเรือธงที่ใช้มาตรฐานนี้อยู่ UHD Premium แต่ทาง Sony รู้สึกจะสับสนกับตัวเองอยู่เล้กน้อยจึงแปะโลโก้สินค้าของตัวเองว่า 4K HDR’ ทำให้เกิดความสงสัยเกิดขึ้นแต่ทั้งนี้ สิ่งที่ทั้งสามบริษัทมีอยู่ในมือก็ได้ผ่านมาตรฐานใหม่นี้แล้ว ยกเว้นทางด้าน Philips ที่ยังไม่ผ่านมาตรฐานใหม่นี้.
โดยตามธรรมชาติทางด้าน technology แล้วความสับสนชนิดนี้ก็ยังจะเกิดขึ้นอยู่ และในอนาคตระบบ UHD Premium set จะเป็นที่กระจ่างและจะไม่มีอะไรที่จะให้สับสนเกิดขึ้นอีกในอุตสาหกรรมนี้ แต่ก็ยังคงระวังไว้ว่าความสามารถและเล่นร่วมกันได้นั้นยังคงไว้อยู่ในการซื้อทีวีเครื่องต่อไป
How expensive is an Ultra HD TV?
ในช่วงแรกๆที่ระบบ 4K TVs ออกมาใหม่ๆนั้นราคาแรงมาก ทั้ง Sony และ LG ตอนนั้นเปิดตัวทีวีขนาด 84-นิ้วรุ่น KD-84X9005 และ 84LM960V
ผลที่ได้ลัพธ์ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดเสียเท่าไหร่เหตุเป็นเพราะว่าราคากระโดดไปที่ £20,000/$30,000. ส่วนทาง Samsung หนักกว่าเพื่อนออกทีวีขนาด 85-นิ้วรุ่น S9 ที่ราคา £35,000/$55,000, ซึ่งอ้างว่าทำมาเพื่อแฟนฟุตบอลหรือกลุ่มที่ดูฟุตบอลเป็นหลัก
และก็ไม่นาน ราคาเริ่มที่จะลดลงมาและก็ขนาดของทีวีด้วย สงครามเรื่องราคาก็กระหน่ำกันสุดมันส์ และตอนนี้คุณสามารถเป็นเจ้าของทีวีระบบ 4K TVs ได้ในราคาที่ต่ำกว่า $1000, แต่ก็ให้ก็สังเกตุว่าไม่เสมอไปที่ 4K resolution จะดีเหมือนๆกันเพราะจะขึ้นอยู่กับตัวประมวลผลที่อยู่ด้านหลังจอนั้นดีแค่ไหน
ทาง Sony ได้ออกทีวี รุ่น KD-65X9005 ขนาด 65-นิ้วเป็นระบบ 4K TV ซึ่งเหมือนกันกับรุ่น Sony KD-65X9005B จะมีราคาอยู่ที่ $3,500/£3,000…และในตอนนี้ราคาก็เริ่มขยับลงมาเรื่อยๆ
So how small will 4K Ultra HD screens get/อย่างนั้นระบบ 4k ทีวีสามารถมีขนาดที่เล็กลงได้ต่ำสุดเท่าไหร่?
หากพูดกันแบบฟังเอาง่ายก็คือสามารถเล็กลงได้เต็มที่อยู่ที่ 55-นิ้วและใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ เหตุเพราะว่าหากเล็กลงมากไปกว่านี้ประโยชน์ทางดานความหนาแน่นของ/pixel dense display จะเริ่มลดทอนลง. ไม่สามารถนำความละเอียดของภาพและระยะมาหักล้างกันได้
การนั่งดูหรือระยะนั้นแต่ละบ้านจะไม่เหมือนกัน 4K TV ที่มีขนาดใหญ่นั้นจะให้ความรู้สึกที่เหมือนถูกอัพเกรดเสียมากกว่าเมือเทียบกับทีวีที่มีความละเอียดที่ 1080p ของขนาดที่เล็กกว่า. ถึงอย่างไรก็ดี คำว่า 4K resolution นั้นมีความหมายซึ่งถ่ายทอดออกมามากกว่าตัวของมันเอง.
High frame rate UHD broadcasting/การถ่ายทอดรายการที่มีเฟรมเรทสูง ย่อมที่จะให้ความละเอียดของภาพนั้นดีขึ้น และประโยชน์ที่ได้รับจาก HFR ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด (ต้องใหญ่) ของทีวีเพียงอย่างเดียว หากระบบ 4K UHD ในรุ่นที่สองของการพัฒนาสามารถทำได้ดีมากขึ้น ตัวระบบเก่าก็จะเป็น high-frame rate 4K TVs ที่สามารถทำให้ขนาดทีวีนั้นเล็กลงได้โดยไม่ผลกระทบต่อการลดทอนประสิทธิภาพ
How far should I sit from a 4K TV for the best picture/ระยะการดูควรไกลขนาดไหนที่จะได้ภาพที่ดีที่สุด?
4K Ultra HDเป็นระบบที่จ่ายภาพออกมาได้น่าทึ่งกว่า Full HD. ระยะที่ดีที่สุดก็คงจะเหมือนกับการที่ไปนั่งดูภาพยนต์ในโรงหนัง. หากเทียบแบบง่ายๆก็คือ ทีวีที่มีขนาด 65-นิ้ว เป็น 4K ระยะที่ดีที่สุดก็คือ 1.5m. แต่ก็คงจะไม่เหมือนกันหมดทุกบ้านที่จะทำกันได้ เพราะฉนั้นเอาแบบคร่าวๆก็คือ 2-3m
Is 4K OLED even better?
OLED – organic light emitting diodes ระบบนี้ได้อยู่ในท้องตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่การที่จะผลิตให้มีจอขนาดใหญ่ๆนั้นเป็นกฎต้องห้ามเลย เพราะมันแพงมากๆในอดีต เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่มากดดันไม่ให้ระบบนี้เป็นที่ฮิตติดชาร์ต.
แต่ดูเหมือนทาง LG กำลังจะแหกกฎนี้ เพราะเทคโนโลจีของ OLED นั้น สามารถขับสีออกมาได้อย่างฉูดฉาด ดำลึก และขาวจ้ามากและการรอคอยก็มาถึง ทาง LG เปิดตัว 4K OLED television รุ่นแรกในปีนี้ แต่ก็อย่างที่บอกมันยังแพงมากอยู่ คงจะไม่ใช่ตัวเล่นหลักในตลาดอย่างแน่นอนสำหรับตลาดผู้บริโภค
4K TV channels
สถานีโทรทัศน์ที่เป็น 4K channels นั้นตอนนี้เริ่มจะมีออกมาเรื่อยๆ ใน อังกฤษและที่อเมริกา ย้อนไปในปี2014 DVB/Digital Video Broadcasting/องค์กรหนึ่งในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศ ได้ กำหนดมาตรฐานใหม่ในการปล่อยสัญยานทีวีออกมา ที่เรียกว่า DVB-UHDTV Phase 1 specification ซึ่งคุณภาพที่ถูกจ่ายออกมาออกอากาศด้วยความละเอียดถึง 3840×2160 resolution ด้วยย่านความถี่ที่ 60Hz โดยมาพร้อมความสดใหม่ในด้านสีสรรที่คมชัดด้วย 10 bits per/ต่อ pixel ไม่ใข่ 8 rather than 8 และมันก็คือ HD TV channels.
แต่ปัญหาที่แท้จริง ณ ขณะนั้น ไม่มีเครื่องหรือกล่องสัญญานที่สามารถรองรับได้ ต้องไปซื้อเครื่องรองรับใหม่เพื่อใช้ประโยชน์อันนี้
What 4K content is available for me to watch/มีสื่ออะไรบ้างเป็น 4เค?
Netflix จะเป็นเจ้าแรกๆเลยที่มีสื่อที่ออกอากาศเป็น 4เค เพียงคุณเปิด Netflix app บนทีวี 4เค ก็จะมาทันทีกับภาพยนต์ที่เป็น 4เค และก็ตามมาด้วย Amazon Vudu ก็จะมีลักษณะเหมือนๆกัน ขอเพียงแต่ต้องมีเครื่องรับที่สามารถรองรับสื่อ 4เค ก็เป็นอันใช้ได้ เช่น 2015 Amazon Fire TV หรือ Roku 4
YouTube ก็เป็นอีกแหล่งที่มีสือ 4K channel, แต่ต้องการเครื่องที่สามารถรองรับ 4เค ได้เช่น กล่องรับสัญญาน/set-top boxesbut หรือ คอมพิวเตอร์ที่มีการ์ดจอรองรับ 4เค ได้ และยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังจะออกมา ส่วนทางด้านสื่อหรือเนื้อหาที่เป็น Ultra-HD นั้นอาจจะไม่เป็นที่นิยม แต่ด้วยศักยภาพทางด้านออกอากาศสถานีโทรทัศน์สมัยนี้ก้าวไกลไปมาก ถึงแม้ว่าสื่อที่ออกอากาศมาจะเป็นแค่ 1080p ผู้รับชมแถบจะไม่รู้สืกถึงความแตกต่างเสียเท่าไหร่ เพียงแต่จะมีข้อสังเกตุทางด้านเส้นของภาพนั้นจะปรากฎให้เห็นอยู่
ส่วนทาง Sony ก็ได้ทำแผ่นและ Mastered/ทำเป็น 4K branded Blu-rays แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงสื่อหรือเนื้อหาที่เป็น 1080p Blu-ray discs ธรรมดาเท่านั้นเอง แต่เฉดสีนั้นจะมีมากกว่า แผ่น Blu-ray ทั่วไป
และยังจะมีแผ่น Blu-ray ที่จะถูกอัพเกรดเป็น 2160p และแน่นอนมันมาแน่ในปีนี้ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์และเป็น Ultra HD Blu-ray ซึ่งแน่นอนเป็นสื่อหรือเนื้อหาที่มารองรับและเป็น Ultra High Definition และเป็นสื่อหรือเนื้อหาที่เป็น high dynamic range (HDR) content รวมถึงระบบเสียงที่จะเป็น Dolby Atmos. ทาง Sony ก้ได้เริ่มปล่อยซอร์ฟแวร์เพื่ออัพเดทบรรดาผู้เป็นเจ้าของ Sony 4K TVs ในอเมรืกาอยู่ แต่ส่วนอื่นของโลกใบนี้ยังไม่มีข่าวออกมา
What kind of cables will I need for 4K/ควรใช้สายเคเบิ้สชนิดไหน?
มีเพียงสายสัญญานสองชนิดเท่านั้นที่จะเลือกใช้ standard HDMI/มาตรฐาน หรือหากคุณต่อเข้ากับเครื่องพีซีไปยัง Ultra HD monitor, DisplayPort. สายเคเบิ้ล HDMI นั้นมีทั้งหมด 4 ชนิดด้วยกัน: high speed ที่เป็น ethernet; high speed ที่ไม่ใช่ ethernet; standard speed ที่เป็น ethernet และ standard speed ที่ไม่ใช่ ethernet. สายเคเบิ้ลที่เป็น Standard speed cables สามารถรองรับความละเอียดได้ที่ 1080i,แต่ไม่สามารถรองรับความละเอียดขนาด 4K. สายเคเบิ้ล High speed นั้นสามารถรองรับได้อย่างสบายอะไรก็ได้ที่เหนือกว่า 1080. ตราบใดที่คุณใช้สายเคเบิ้ลที่มาตรฐานเดียวกันไม่ว่าตุณจะต่อเข้ากับอะไรมันจะไม่มีอะไรให้เห็นถึงความแตกต่างกันเลย
ความเร็วของสัญญานที่ต่อเชื่อม จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นตัวถูกต่อเชื่อมเช่น HDMI 1.4, HDMI 2.0 และ HDMI 2.0a. HDMI 1.4 connectors รองรับ 3820×2160-resolution ที่ 30 frames per second, HDMI 2.0 เป็นรุ่นล่าสุดที่สามารถรองรับ Ultra HD resolution ที่ 60 frames per second. ส่วน HDMI 2.0a เป็นสายเคเบิ้ลที่มาเพื่อ HDR, ซึ่งมีข้อกำหนดกับตัวรับสัญญานโดยเฉพาะประเภทของทีวีและแหล่งผลิต และแน่นอน DisplayPort เป็นชนิดเดียวที่สามารถรองรับ 4เค ได้แบบเต็มๆทั้งภาพและเสียงจากตัว high-end graphics cards ไปยัง monitors โดยจะไม่มีอาการดีเลย์ให้ได้เห็นเลย
How important is HDMI 2.0 to 4K Ultra HD/แล้วสายเคเบิ้ล HDMI 2.0 สำคัญกับ 4K Ultra HD ขนาดไหน ?
HDMI 2.0 เป็นอะไรที่เป็นที่สุดของที่สุดในข้อกำหนดหรื่อมาตรฐานของ HDMI specification. สายเคเบิ้ล HDMI 1.4 standard โดยทั่วไปสามารถรองรับ 4K video ได้อยู่แล้ว แต่จะอยู่ที่ 30 frames per second (หรือ 30Hz). ซึ่งใช้ได้ดีกับภาพยนต์ทั่วๆไป แต่ทางด้านออกอากาศนั้นต้องการอะไรที่มากกว่านี้สำหรับทีวี
สายเคเบิ้ล HDMI 2.0 สามารถเพิ่ม bandwidth ได้ถึง 18Gbps และรองรับ 4K Ultra HD ที่ 50/60 fps, ด้วย 12-bit 4:2:2 colour (คุณไม่ต้องการสายพิเศษอะไรมาต่อเชื่อมระหว่าง HDMI 2.0 interconnectivity/การต่อเชื่อม, สายเคเบิ้ลอะไรก็ได้ที่เป็น high-speed cable ก็ใช้ได้แล้ว). ทั้งหมดที่กล่าวมา มีเพียง Panasonic เจ้าเดียวที่ออกทีวีและรองรับ HDMI 2.0 ที่เป็น 4K TV, ในชื่อรุ่น TX-L65WT600.
ส่วนที่วีที่เป็นระบบ 4K รุ่นแรกๆก้เพียงแต่ต้องการกล่องสัญญานที่สามารถจะรองรับได้ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้น โดยเฉพาะกับ Philips และ Samsung ส่วนทางด้าน Sony และเจ้าอื่นๆคงต้องหา firmware/เป็นโปรแกรมเขียนแล้วเสร็จช่วงที่ผลิต มาช่วยเหลือ; และคงจะต้องลดทอนในด้านสีและ pixels เพี่อที่จะสามารถรองรับ สายเคเบิ้ล HDMI 1.4 หรือลดลงไปที่ 8 bit 4:2:0 colour.
And what about this HDR stuff then/แล้ว HDR?
HDR, UHD, OLED …ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในบ้าน HDR, หรือ high dynamic range, เป็นความคิดหรือคอนเซ็ปที่นำเอา ภาพ digital ที่รวมกันถึง 3 ชนิดของภาพ – แสงแบบทั่วไป / แสงที่มากเกินไป / แสงที่น้อยเกินไป มาอยู่รวมกัน เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดหรือภาพเคลื่อนไหว
Amazon เป็นเจ้าแรกที่ปล่อยสื่อหรือเนื้อหานี้ HDR video ออกมาในปี 2015, และก็ยังเป็นบริษัทเดียวที่ทำอยู่แล Netflix ก็จะตามมา สิ่งที่ตัว HDR และ 4K ต้องการคือ bandwidth ที่ต้องมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20 เปอร์เซนต์ แต่ถ้ายังไม่พอ ทาง Netflix จะลงไปเล่น HDR ก่อนเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพของภาพที่ดีขึ้น
Quantum Dot sounds like theoretical physics/ฟังดูเหมือนวิชาฟิกสิกข์เลย
จริงๆแล้วก็ใช่ แต่มันคงจะไม่เหมือนปัญหาในด้านทฤษฎีเพียงอย่างเดียว เพราะคำตอบมันมีมาให้แล้ว Quantum Dot displays (QD ) นั้นก็คือเป็น LED panels ที่จะมีฟิมห์บางๆ (nano-crystals) คั้นระหว่างตัว backlight และจอภาพ. ทาง LG และ Sony เปิดเผยว่าด้วยวิธีนี้สามารถเพิ่มความสดของสีได้เพิ่มมากขึ้นถึง 30% โดยไม่ต้องเพิ่ม pixels หรือไปปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นจอภาพ
ในงานแสดงสินค้าในปี 2015 มีบริษัท LG UF9400 Quantum Dot 4K UHD TV และ Samsung SUHD Curved TV, ที่นำเทคนิค Quantum Dot เข้ามาใช้ ภาพที่จ่ายออกมาเป็นที่น่าประทับใจ แต่ดูเหมือนทาง Samsung SUHD จะทำได้ดีที่สุด ส่วนทาง LG จะมีปัญหาทางด้านสีที่ดูโอเวอร์หรืออิ่มตัวไป/oversaturation …
Hang on, what about 8K/แล้ว 8เค หมายถึง?
หาก 4K มีความละเอียดสูงกว่าเป็น 4 เท่าของ Full HD, ถ้าอย่างนั้น 8K ก็ต้อง 16 เท่าเพราะ 8K หน้าจอที่จ่ายภาพออกมา จะประกอบไปด้วย pixels ถึง 33 ล้านเลยทีเดียว
ด้วยความละเอียดขนาดนี้กล่าวได้เลยว่ามันยังอีกห่างไกลสำหรับ เทคโนโลจีทางด้านจอภาพ แต่ว่าทางญี่ปุ่นสถานีโทรทัศน์ NHK, ได้กล่าวไว้มันคงจะเป็นการตลาดของทางด้านเทคโนโลจีเสียมากกว่า
และอีกชื่อที่จะเรียกก็คือ Super Hi-Vision, ตัวเลข 8K ได้ถูกการทดสอบและเป็นที่สรุปออกมาแล้ว และทางญี่ปุ่น ได้เข้าซึ่อเวลาการถ่ายทอดในงาน London 2012 Olympics โดยทาง NHK ได้ให้คำมั่นว่าจะสามารถจ่ายภาพระดับ Super Hi-Vision ในงาน 2020 Tokyo Olympics ได้อย่างแน่นอน
มันจะเป็นสิ่งที่ท้าทายมากกับนำ 8K ลงสู่สนามการตลาด เพราะตัว 4K, HEVC, ณ ปัจจุบันก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้วในการอัดบีบภาพ
แต่ว่าคุณภาพของภาพและรายละเอียดที่จ่ายออกมานั้น ตัว 8K image จะทำได้ดีกับทีวีที่ขนาด 84-นิ้วขึ้นไป โดยเฉพาะสื่อที่ทำโฆษณาหรือผู้ผลิตทีวีบางรายก็ไม่สามารถรองรับหรือจ่ายภาพละเอียดขนาดนี้ได้ คงจะต้องรอดูอีกระยะถึงจะได้เห็น แต่ด้วยความที่เป็นไปไม่ได้ก็อาจจะทำได้ เพราะอย่าลืมว่าได้มีการทดลองไปแล้วและมันเกิดขึ้นได้แต่ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงในโลกของผู้บริโภค
Sharp ได้แหกกฎข้อนี้และเปิดตัว 8K TV เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และ LG ก็ไม่น้อยหน้าโดยเปิดตัว HDR-ready 8K TV ที่งาน CES 2016 ราคาไม่ต้องพูดถึง
So should I buy a 4K set now or should I wait?
หากจะตั้งคำถามว่าสมควรไหม ที่จะซื้อตอนนี้ 4K set. ก็ขอตอบว่า ซื้อได้แต่คุณจะหาเนื้อหาหรือสื่ออะไรหล่ะที่จะมาเล่นกับทีวี เพราะ ณ ขณะนี้ หาได้น้อยมาก และคงยังต้องรอไปอีก 2-3 ปีเลยที่เดียวกว่าจะมีเนื้อหาหรือสื่อให้เลือกซื้อ แต่ก็ต้องมั่นใจว่า ทีวีที่คุณซื้อมาจะต้องเผื่ออนาคตด้วยว่ามี HDMI 2.0 ports หรือเปล่า
อีกด้านหนึ่ง ถ้าสามารถรอได้ยังไม่ซื้อ ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะกว่าตลาดทั้งหมดจะนำเทคโนโลจีนี้มาใช้อย่างกว้างขวางก็คงต้องเฝ้ารอต่อไป เพราะตอนนี้อย่างเพิ่งพูดถึงเนื้อหาที่เป็น 4เค เลย แค่ UHD Premium specification ยังเตาะแตะอยู่เลย
ที่มาเครดิต
http://www.techradar.com/news/television/ultra-hd-everything-you-need-to-know-about-4k-tv-1048954
You must be logged in to post a comment.