เมื่อ Windows 10 กำลังจะหยุดการสนับสนุนในปี 2025 เรามีทางเลือกหลายทางเลือก (อ่านเพิ่มเติมที่นี่) ทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่อยากไปต่อกับ Windows 11 คือการหันไปใช้ Linux แทน ซึ่งวันนี้แอดมี 5 ดิสโทร Linux สำหรับมือใหม่โยกย้ายจาก Windows มาแนะนำ ตัวไหนน่าเล่นบ้างไปดูกันเลยครับ
Linux Mint (Cinnamon Edition)
เริ่มกันที่ Linux Mint ถือเป็นดิสโทรสำหรับมือใหม่ที่ย้ายมาจาก Windows เพราะใช้งานง่ายมาก และแทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ โดยเฉพาะ Cinnamon Edition ซึ่งเป็นเวอร์ชันหลักของ Linux Mint ได้ถูกออกแบบให้มีหน้าตาและการใช้งานที่ใกล้เคียงกับ Windows 10 มากเลยครับ
ถ้าดูจาก Cinnamon Desktop จะมี Taskbar ด้านล่าง, ปุ่ม Start, การคลิกขวา และหน้าต่างโปรแกรมแบบเดียวกับ Windows แถมยังมาพร้อมซอฟต์แวร์พื้นฐาน เช่น LibreOffice, Firefox, GIMP, VLC, และ Software Manager ที่ให้เราสามารถติดตั้งแอปเพิ่มได้ในคลิกเดียว ฟีลเดียวกับ Microsoft Store
Linux Mint โดดเด่นตรงที่พอติดตั้งเสร็จแล้ว พร้อมใช้งานได้ทันที ไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิคมากนัก เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่เพิ่งย้ายมาจาก Windows
จุดเด่น:
- UI คล้าย Windows มากที่สุด ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียนรู้ใหม่
- มาพร้อมแอปพื้นฐาน เช่น Office (LibreOffice), Media Player, GIMP
- Software Manager ใช้ง่าย เหมือน Windows App Store
- เหมาะกับเครื่องเก่า ใช้งานได้แม้ RAM 2-4 GB
- มีรุ่นเสถียรให้ใช้ยาว ๆ ไม่ต้องอัปเดตบ่อย
Ubuntu
ขาดชื่อนี้ไม่ได้จริง ๆ ครับ สำหรับคนที่จะย้ายมาเล่น Linux เจ้า Ubuntu คือชื่อที่ทุกคนต้องเคยได้ยิน ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Canonical โดยออกแบบให้ Ubuntu เน้นการใช้งานง่าย มีระบบที่เสถียร และมีการซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) ทำให้มันเป็นหนึ่งในดิสโทรหลักของทั้งผู้ใช้งานทั่วไป, นักเรียน, โปรแกรมเมอร์ ไปจนถึงองค์กรและบริษัทขนาดใหญ่
เวอร์ชันที่แนะนำคือ Ubuntu LTS (Long Term Support) ซึ่งออกทุก 2 ปี และซัพพอร์ตยาวนานถึง 5 ปี จุดเด่นคือ GNOME Desktop ที่ดูสะอาด ทันสมัย และเรียบง่าย แม้หน้าตาจะไม่เหมือน Windows มากนักแต่ก็เรียนรู้ได้ไม่ยาก
Ubuntu ยังมาพร้อม Software Center ที่ให้เราติดตั้งแอปฯ ง่าย ๆ โดยไม่ต้องพิมพ์คำสั่ง รวมถึงยังรองรับไดรเวอร์อุปกรณ์ได้อย่างอัตโนมัติ โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ Wi-Fi และการ์ดจอ NVIDIA
จุดเด่น:
- มีเอกสารและบทเรียนออนไลน์มากที่สุดในโลก Linux
- เหมาะกับทุกระดับผู้ใช้งาน ทั้งมือใหม่และมือโปร
- รุ่น LTS เสถียรและอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อเนื่อง
- รองรับฮาร์ดแวร์ดี ติดตั้งง่าย จบในไม่กี่คลิก
- ใช้งานได้ทั้ง Desktop และ Server
Zorin OS (Core Edition)
Zorin OS เป็นดิสโทรที่เกิดมาพร้อมแนวคิดที่ต้องการให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Windows มา Linux เป็นเรื่องง่าย ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ จากประสบการณ์ที่เคยใช้ในสมัยก่อน มันดูเหมือน Windows จริง ๆ
Zorin ใช้ฐานจาก Ubuntu LTS แต่จุดเด่นคือเครื่องมือที่ชื่อ Zorin Appearance ที่เราสามารถปรับรูปลักษณ์ของระบบให้เหมือน Windows 7, Windows 10 หรือแม้แต่ macOS ได้ภายในคลิกเดียว อีกทั้งยังจัดระบบเมนูและแอปให้เป็นมิตรกับมือใหม่ด้วย
Zorin จะมีทั้งรุ่น Core และรุ่น Pro โดยรุ่น Core จะใช้งานได้ฟรีอย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนรุ่น Pro ที่เสียเงินจะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ ให้เรา และเป็นการจ่ายเงินสนับสนุนให้ทีมพัฒนาด้วย
จุดเด่น:
- เหมาะมากสำหรับผู้ใช้ Windows ที่ต้องการ Linux หน้าตาคล้ายเดิม
- สวย ทันสมัย และเป็นระเบียบ
- ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่มเติม
- ใช้ฐาน Ubuntu จึงเสถียรและแอปเยอะ
- มีทั้งรุ่นฟรี (Core) และรุ่น Pro ให้เลือก
Fedora Workstation
Fedora เป็นดิสโทรที่ได้รับการสนับสนุนจาก Red Hat (บริษัทแม่ของ RHEL) แต่ทำออกมาใช้ฟรี พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของโลก Linux เหมาะกับสาย Dev และ Power User
Fedora Workstation ใช้ GNOME Desktop เวอร์ชันล่าสุดเสมอ พร้อมระบบความปลอดภัยในระดับองค์กร เช่น SELinux และมีการผลักดัน Flatpak อย่างจริงจัง ทำให้สามารถใช้งานแอป sandbox ได้โดยไม่เสี่ยงกับระบบหลัก นอกจากนี้ยังรองรับ Container, Podman, Devtool, และเครื่องมือสาย Linux Developer มากมาย
ดูเผิน ๆ Fedora อาจจะเหมาะกับ Dev มากกว่า แต่เท่าที่แอดลองใช้ถือว่าใช้งานได้ดี ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย ผู้ใช้ทั่วไปก็ใช้ได้ครับ
จุดเด่น:
- ได้ซอฟต์แวร์ใหม่ก่อนใคร
- เสถียรแม้จะอัปเดตบ่อย
- ระบบความปลอดภัยสูงมาก
- เหมาะกับนักพัฒนา, นักเรียนสาย IT, และ DevOps
- Flatpak และ Wayland ทำงานได้ดีมาก
elementary OS
elementary OS คือดิสโทร Linux ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก macOS ในเรื่องการออกแบบ เพราะ Desktop Environment เป็น Pantheon ซึ่งทีมงานพัฒนาขึ้นมาเองโดยเฉพาะ ทำให้ใช้งานง่าย สวยงาม ไม่รกตา ตามสไตล์ macOS เลย
ทุกอย่างในระบบถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเลย ตั้งแต่ Dock, เมนู, ฟอนต์ ไปจนถึง File Manager ที่สวยและสบายตา มาพร้อม AppCenter ที่ใช้ระบบ “pay what you want” ให้ผู้ใช้สนับสนุนนักพัฒนาแอปในแบบที่ไม่บังคับ (หรือใช้ฟรีก็ได้เช่นกัน)
ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์แบบ macOS บน Linux ต้องจัดตัวนี้เลย
จุดเด่น:
- UI สวยและเป็นหนึ่งเดียว ดูละมุนมาก
- ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ปลอดภัย เป็นส่วนตัว ไม่มีโฆษณา
- AppCenter ส่งเสริมนักพัฒนาอิสระ
- ใช้ฐาน Ubuntu LTS จึงเสถียรและปลอดภัย
นี่ก็เป็นดิสโทร Linux ที่น่าลองครับ ใครชอบตัวไหนหรือใช้ตัวอื่น ๆ บ้าง สามารถคอมเมนต์แนะนำกันมาได้เลยครับ
You must be logged in to post a comment.