[Extreme History] “เป่าตลับ” วิธีแก้ปัญหาเกมเปิดไม่ติดของเด็กยุค 90s แต่มันช่วยได้จริงเหรอ ?

ต้องบอกว่าในยุค 90s และต้นปี 2000 เด็ก, วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ในเวลานั้น น่าจะมีคอนโซลของ Nintendo เป็นของตนเอง หรือน่าจะเคยเล่นผ่านมือผ่านตากันมาบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นความเชื่อกันจนถึงทุกวันนี้คือ “ถ้าเกมเปิดไม่ติด ให้เป่าตลับ”

จากนั้นใส่ตลับเกมกลับเข้าไปที่เครื่อง ถ้ายังไม่ติดให้ทำซ้ำ กระบวนการนี้แทบจะเป็นที่รู้จักของเด็ก ๆ จากทั่วทุกมุมโลก คำถามคือ เป่าตลับ ช่วยได้จริงเหรอ วันนี้เรามาย้อนเวลาหาคำตอบกันในบทความซีรีย์ Extreme History ครับ

Nintendo NES

สำหรับข้อมูลที่ผมนำมาอ้างอิง มันเป็นบทความจากต่างประเทศ ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลับเกมของเครื่อง Nintendo NES ทั้งนี้ในบ้านเราอาจจะไม่ชินกับเครื่องนี้สักเท่าไร เพราะมันเป็นคอนโซลที่ขายฝั่งอเมริกา (ในบ้านเราน่าจะเป็นพวก Famicom นะครับ) โดยกลไกการทำงานของเครื่องมันจะแตกต่างจากที่เราคุ้นเคยสักเล็กน้อย แต่ก็พอที่จะนำมาใช้อธิบายได้

Famicom

ทีนี้เรามาดูกลไกการทำงานของเครื่อง NES กันสักเล็กน้อยนะครับ เนื่องจากทาง Nintendo ต้องการออกแบบตัวเครื่องให้มีความทันสมัย และไม่ซ้ำกับคู่แข่งอย่าง Atari จึงเปลี่ยนรูปแบบการใส่ตลับเกม จากเดิมที่ใส่โดยการกดลงบนแผงที่อยู่บนตัวเครื่อง กลายเป็นใส่เข้าไปในเครื่องเหมือนเครื่องเล่นเทปวิดีโอหรือพวกเทปคลาสเซ็ตต์อะไรประมาณนั้น

วิธีการใส่ตลับของ NES คือผู้เล่นต้องเปิดฝาบริเวณด้านหน้า จากนั้นใส่ตลับเกมลงปในช่องว่างขนาดใหญ่ กดลงไปเล็กน้อย จากนั้นปิดฝาลง ตัวเครื่องจะดึงเอาตัวตลับเข้าไปใส่ตรงแผงวงจรให้เองโดยอัตโนมัติ กลไกนี้เราเรียกว่า Zero Insertion Force (ZIF) แปลง่าย ๆ คือ การใส่อุปกรณ์ลงไปแบบไม่ต้องออกแรง

 

ปัญหามันอยู่ตรงกลไก ZIF นี่แหละ เพราะถ้านำไปใช้ในเครื่องเล่นวิดีโอมันไม่ค่อยมีปัญหาหรอก เนื่องจากพอใส่วิดีโอลงไปแล้วตัวเครื่องไม่จำเป็นต้องยัดวิดีโอลงบนวงจร เพียงแต่เปิดส่วนครอบแผ่นแม่เหล็กของวิดีโอออกให้สัมผัสกับหัวอ่านก็เป็นอันเสร็จสิ้น ทว่า เครื่อง NES มันต้องอาศัยแผงวงจรภายในเครื่องที่สามารถเด้งตัวขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อให้รับเข้ากับแผงวงจรในตลับอีกที พอใช้งานไปนาน ๆ ชิ้นสปริงที่ทำหน้าที่เด้งแผงวงจรในเครื่องก็เริ่มเสื่อมสภาพ การสัมผัสของแผงวงจรในตลับและในเครื่องทำได้ไม่ดี เราจึงเปิดเกมไม่ได้นั่นเองครับ

จริง ๆ เมื่อเทียบกับเครื่องที่ขายในโซนเอเชีย ซึ่งเป็นเครื่อง Famicom ผู้เล่นจะสามารถใส่ตลับเกมลงที่แผงวงจรด้านบนได้เลย แล้วออกแรงกดให้ตลับเกมเข้ารับกับแผงวงจร เท่านี้ก็เล่นเกมได้แล้ว การออกแบบของ Famicom ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานตลับเกมแบบนี้ ในขณะที่ NES เลือกใช้กลไกที่ไม่มีแรงกดจากภายนอก โอกาสในการสัมผัสกันของวงจรจึงลดลงได้

เกมเปิดไม่ติด แล้วจะแก้ปัญหาได้ยังไง ? ผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิดไอเดียนี้ขึ้น แต่มีอยู่ว่า ถ้าเกมเปิดไม่ติดหรือเล่นแล้วมีปัญหา ให้ถอดตลับเกมออกมาแล้ว “เป่าลม” จากปากของเราอัดเข้าไปในร่องเปิดของตัวตลับ ซึ่งเป็นจุดที่มีแผงวงจรอยู่ เพราะเชื่อว่าเศษฝุ่นที่เกาะอยู่ตามแผงวงจรในตลับจะขัดขวางการสัมผัสกับแผงวงจรของตัวเครื่อง และถ้ายังเล่นไม่ได้อีก ให้ทำซ้ำเรื่อย ๆ จนกว่าจะเปิดติด

แอดชอบเป่าแบบนี้ อัดลมแรง ๆ

เรามาดูความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญกันสักเล็กน้อยนะครับ Frankie Viturello กล่าวว่าการเป่าลมลงไปในตลับเกมอาจจะช่วยไล่ฝุ่นที่เกาะอยู่ได้บ้าง แต่มันไม่ได้ช่วยเพิ่มการสัมผัสของแผงวงจรใด ๆ เลย หากแต่ยิ่งทำให้ตลับเกมมีอายุสั้นลงเรื่อย ๆ ลองนึกดูว่าทุกครั้งที่เราเป่าตลับเกม ไอน้ำ (และน้ำลาย) ปริมาณมากจะเข้าไปในแผงวงจร แล้วตัวแผงวงจรนี้มันมีส่วนประกอบเป็นทองแดง น้ำกับทองแดงร่วมกับออกซิเจนในอากาศมันคือหายนะเลยนะ เพราะมันจะทำให้เกิดคราบสนิมที่กำจัดได้ยาก และในที่สุดตลับเกมนั้นใช้ไม่ได้อย่างถาวร

นอกจากนี้ยังมีการทดลองอีกเล็กน้อย เพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแผงวงจรในตลับเกมหลังผ่านการเป่าลมเป็นเวลานาน พบว่าตลับที่ผ่านการเป่ามีคราบสนิมเกิดขึ้นจริง ๆ ครับ และแน่นอนมันเอาไปใช้เล่นเกมไม่ได้แล้วด้วย

ตลับที่เป่าลมทุกวัน

อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า ไอน้ำจากปากเรานี่แหละ ช่วยเพิ่มการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า เพิ่มโอกาสในการเปิดตลับติดได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ทาง Viturello บอกว่า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย จริง ๆ มันน่าจะทำให้ไฟช็อตด้วยซ้ำสิ ถ้ามีน้ำอยู่เยอะขนาดนั้น อืมมม…ก็น่าคิดนะครับ

ตลับที่ไม่เคยผ่านการเป่าลม

อ้าววว ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมบางคนเป่าตลับเกมแล้วมันช่วยให้เปิดติดได้ล่ะ ? จำกฎของการเป่าตลับเกมที่ผมบอกไว้ข้างต้นได้ไหมครับ คือถ้าเป่าแล้วเปิดไม่ติดอีกให้ทำซ้ำได้ แสดงว่าจริง ๆ แล้วโอกาสในการเปิดติดน่าจะเกิดขึ้นแบบสุ่มเสียมากกว่า บางทีถ้าคุณใส่ตลับลงไปครั้งแรกแล้วเปิดไม่ติด พอถอดออกมาใส่ใหม่คุณอาจจะเปิดติดได้ในทันทีโดยไม่ต้องเป่าตลับก่อน

เพราะฉะนั้นคำตอบของปริศนานี้คือ การเป่าตลับไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในเปิดติด เนื่องจากการที่เปิดไม่ติดเป็นเพราะซ็อกเก็ตหลวมหรือสกปรกมาก (สำหรับเครื่อง Famicom) หรือสปริงเริ่มสึกหรอ (สำหรับเครื่อง NES) วิธีการแก้ไขที่เหมาะสมคือถอดตลับออกมาแล้วใส่ใหม่ ถ้าไม่ได้ให้ทำซ้ำ หรือถ้าอยากเป่าลมก็อาจจะใช้เป็นไดร์ลมเย็นหรือ Blower เป่าเบา ๆ น่าจะดีกว่านะครับ

ส่วนตัวผมเอง ตั้งแต่จำความได้ก็คือเป่าตลับมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไหน ๆ หรือแม้กระทั่งตลับเกมบอย บางครั้งเล่นไปแล้วมันเอ๋อ ๆ ผมก็ถอดออกมาเป่าตลอด พอตอนนี้ได้รู้แล้วว่าการเป่าไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากจะทำให้วงจรภายในเสียหายในระยะยาวครับ

แล้วเพื่อน ๆ มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเป่าตลับยังไงบ้าง บอกเล่ากันได้ในคอมเมนต์เลยนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.mentalfloss.com/article/12589/did-blowing-nintendo-cartridges-really-help

https://forum.digitpress.com/forum/showthread.php?117240-DP-MYTHBUSTERS-Blowing-in-NES-Cartridges

Related articles

รีวิว iQOO Z9 5G และ iQOO Z9x 5G เอาใจสายเอ็นเตอร์เทน ทั้งเล่นเกมและชมคอนเท็นต์ หน้าจอ AMOLED 1.5K พร้อมลำโพงคู่

เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายแล้วสำหรับ iQOO Z9 5G และ iQOO Z9x 5G เกมมิ่งสมาร์ตโฟนราคาสุดคุ้ม...

AIS ผนึกพันธมิตร จัดเวทีเสวนา ชู ครีเอเตอร์ไทย ผู้นำการเปลี่ยนแปลงบริบทการสื่อสารระดับโลก เปิดสูตรเด็ด เคล็ดลับ ต่อยอด อาชีพครีเอเตอร์ สู่ผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืน

AIS จัดเสวนา Global Creator Culture SummitเชิญกูรูระดับโลกProfessor David Craig นักวิชาการด้านโซเชียลมีเดียชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเปิดตัวเลขการเติบโตของครีเอเตอร์ในเวทีโลก...

Garmin พิสูจน์ความนิยม รายได้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมรีเฟรชแบรนด์ใหม่ผ่านแคมเปญ“Garmin มีดีมากกว่าที่คิด หาข้อที่ใช่…แล้วไปต่อ”ปักธง “สมาร์ทวอทช์ที่เข้าใจคุณและเป็นสมาร์ทวอทช์สำหรับทุกคน”

Garmin พิสูจน์ความนิยม รายได้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมรีเฟรชแบรนด์ใหม่ผ่านแคมเปญ“Garmin มีดีมากกว่าที่คิด หาข้อที่ใช่…แล้วไปต่อ”ปักธง “สมาร์ทวอทช์ที่เข้าใจคุณและเป็นสมาร์ทวอทช์สำหรับทุกคน” อีกขั้นของความสำเร็จกับรายได้นิวไฮในไตรมาสแรกของปีกว่า 1,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า