[Extreme History] Creeper-Reaper ตำนาน Virus-Antivirus คู่แรกของโลกคอมพิวเตอร์

พอดีว่าผมย้อนไปอ่านเนื้อเรื่องของการ์ตูนดิจิมอนภาค 3 แล้วค้นพบว่าตัวร้ายในเกมที่ชื่อว่า The Reaper มีที่มาจากประเด็นที่เรากำลังจะกล่าวถึงในวันนี้ ซึ่งผมขอเสนอบทความเรื่อง Creeper-Reaper ไวรัสและแอนติไวรัสคู่แรกของโลกคอมพิวเตอร์

แม้ไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวแรกจะเกิดขึ้นในช่วงปี 1970-1980 แต่แนวคิดของโปรแกรมชนิดนี้ย้อนกลับไปเมื่อปี 1949 โดย John von Neumann นักคณิตศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า สักวันหนึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะสามารถก๊อปปี้ตัวเองขึ้นมา และเคลื่อนย้ายไปอยู่ในคอมเครื่องอื่น ๆ ได้

และนี่คือแนวคิดพื้นฐานที่สุดในการทำงานของไวรัสคอมพิวเตอร์

จนกระทั่งในปี 1971 Bob Thomas ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัท BBN Technologies ได้พัฒนาโปรแกรมตัวหนึ่งขึ้นมา พร้อมตั้งชื่อว่า Creeper มันมีคุณสมบัติในการควบคุมให้คอมพิวเตอร์ปริ๊นต์ข้อความขึ้นมา จากนั้นมันก็จะย้ายตัวเองไปยังคอมเครื่องอื่น โดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ สำหรับข้อความที่ถูกปริ๊นต์ออกมานั้น คือ

I’m the creeper: catch me if you can

ถ้าดูจากคุณสมบัติของ Creeper แล้ว อาจจะไม่ได้เรียกมันว่าเป็นไวรัสเสียทีเดียว เนื่องจากมันมีคุณสมบัติเพียงสั่งให้คอมเครื่องนั้นปริ๊นต์ข้อความ จากนั้นจึงย้ายตัวเองไปยังคอมเครื่องอื่นโดยที่ไม่ได้ “ก๊อปปี้” หรือเพิ่มจำนวนขึ้นในคอมเครื่องเดิม

ข้อความที่ปริ๊นต์ออกมาจากคำสั่งของ Creeper

Bob ปล่อยเจ้า Creeper ลงสู่เมนเฟรม DEC PDP-10 ระบบปฏิบัติการ TENEX บนระบบการเชื่อมต่อ APRANET (การเชื่อมต่อในองค์กรรูปแบบหนึ่ง ต้นกำเนิดของอินเทอร์เน็ต)

จากนั้นราว ๆ 1 ปีให้หลัง Creeper ถูกนำไปพัฒนาต่อโดย Ray Tomlinson (รู้จักกันในนามผู้ริเริ่มการใช้อีเมลบนระบบ APRANET) โดย Ray เพิ่มความสามารถที่สำคัญให้กับ Creeper นั่นคือ ความสามารถในการก๊อปปี้หรือเพิ่มจำนวนตัวเองในคอมเครื่องเดิม ก่อนที่จะย้ายไปยังคอมเครื่องใหม่

จึงอาจกล่าวได้ว่า Creeper มีคุณสมบัติเหมือน Worm นั่นเองครับ

และด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่รู้ แต่ผมคาดว่า Ray น่าจะพอทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นถ้าปล่อยให้ Creeper โลดแล่นในระบบ (อาจทำให้หน่วยความจำเต็ม หรือระบบรวนได้) เขาจึงพัฒนาโปรแกรมตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า Reaper ควบคู่ไปด้วย

จริง ๆ Reaper ถูกออกแบบให้มีลักษณะเดียวกับ Creeper คือสามารถ Action และย้ายตัวเองไปยังเครื่องอื่นได้ บางคนเลยนับว่า Reaper คือไวรัสหรือเวิร์มตัวที่ 2 ที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั่นเองครับ

ทีนี้ Action ที่สำคัญของ Reaper มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ กวาดล้าง Creeper ให้สิ้นซาก ดังนั้น ในการทดลองของ Ray เขาได้ปล่อย Creeper ออกไปในระบบก่อน จากนั้นจึงปล่อย Reaper ให้ไปตามกำจัดพวกมัน ซึ่งแน่นอนว่าได้ผลสำเร็จ ระบบ APRANET ก็ปราศจาก Creeper ไปในทันใด

เพราะฉะนั้น หากเทียบแล้ว Reaper จะทำหน้าที่เหมือนกับโปรแกรมแอนติไวรัส ที่คอยสอดส่องและทำลาย Creeper ครับ

ส่วนไวรัสตัวแรกที่เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ MS-DOS จะมีชื่อว่า BRAIN ครับ…..แต่วันนี้เราจบกันแค่นี้ก่อนละกัน หากใครอยากฟังเรื่องเล่าของมัน หรือมีเรื่องอื่น ๆ มานำเสนอ ก็คอมเมนต์บอกกันมาได้เลยนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

History of computer viruses: Creeper and Reaper.


https://history-computer.com/Internet/Maturing/Thomas.html

Related articles

NVIDIA เร่งกำจัดการ์ดจอปลอมออกจากตลาด ระวังอย่าไว้ใจของราคาถูก

หลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง สำหรับการ์ดจอจากประเทศจีนที่ผ่านการปรับแต่งจากการ์ดจอโน้ตบุ๊ก ให้กลายมาเป็นการ์ดจอสำหรับเดสก์ท็อป แน่นอนว่าการปรับแต่งเช่นนี้ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจาก NVIDIA และพี่เขียวก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากเลยทีเดียวครับ NVIDIA ออกมาประกาศว่าแบรนด์การ์ดจอจีน เช่น 51RISC,...

กระแสแรงไม่หยุด! หัวเว่ยเพิ่มช่องทางวางขายHUAWEI WATCH Buds ที่หน้าร้านพร้อมกันทั่วประเทศในราคาเพียง13,990บาท

31มีนาคม2566, กรุงเทพฯ, ประเทศไทย–สำหรับใครที่พลาดกดสั่งซื้อHUAWEI WATCH Buds สมาร์ทวอชท์ 2-in 1 พร้อมหูฟังในตัวทางช่องทางออนไลน์ไม่ต้องเสียดายไป ล่าสุดหัวเว่ยประกาศเพิ่มช่องทางวางจำหน่ายที่หน้าร้านHUAWEI Experience...

เอไอเอสและไมโครซอฟท์ ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมAI ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ ปั้นคนทำงานสู่นวัตกร ด้วย Microsoft Power Platform มุ่งเป้ายกระดับทักษะบุคลากรเอไอเอสให้เติมศักยภาพ พร้อมก้าวสู่ Cognitive Tech-Co

กรุงเทพฯ 31มีนาคม 2566– ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยและเอไอเอส สนับสนุนการสร้างทักษะทางเทคโนโลยีให้กับพนักงานและส่งต่อแรงบันดาลใจในการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การทำงาน ผ่านMicrosoft Power Platform แพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนาระบบงานอัตโนมัติต่างๆโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเป็นจำนวนมาก(low...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า