[Extreme History] ทำไมไดรฟ์หลักของ Windows ต้องเป็นไดรฟ์ C: แล้ว A กับ B หายไปไหน

สำหรับวันนี้เป็นวันหยุดแอดจึงนำบทความน่าสนใจมาให้อ่าน หลายคนอาจจะเคยสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมไดรฟ์หลักบน Windows จึงต้องเริ่มต้นด้วยตัว C ไปหาคำตอบพร้อมกันเลยครับ

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปในราว ๆ ปี 1970 ระบบปฏิบัติการ CP/M ของบริษัท Digital Research, Inc และถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง รวมถึงนำไปใช้ในคอมพิวเตอร์จาก IBM ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่าระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์ในสมัยก่อน ไม่ได้มีกราฟฟิกสละสลวยให้เราใช้เมาส์คลิก ๆ แค่ 2-3 ทีนะครับ แต่มันจะเป็นหน้าจำดำ ๆ ให้เราพิมพ์คำสั่งเพื่อใช้งานโปรแกรมหรือเรียกไฟล์ต่าง ๆ ขึ้นมา (ถ้าใครเคยเห็น MS-DOS เวลาซื้อโน้ตบุ๊กที่ไม่แถม Windows ก็จะพอนึกออก)

ในครั้งอดีตคอมพิวเตอร์ยังไม่มีพื้นที่จัดเก็บภายใน แม้ว่าฮาร์ดดิสก์จะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1950 แต่มันมีราคาแพงและใหญ่เทอะทะ เวลาที่จะรันโปรแกรมต่าง ๆ เพียงแค่เสียบอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่เรียกว่า ดิสเก็ตต์ (Diskette – อ่านประวัติเรื่องดิสเก็ตต์ได้ที่ ลิ้งก์นี้ เลยครับ) แล้วเปิดคอมให้มันอ่านข้อมูลที่อยู่ในแผ่นแม่เหล็กเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ นั่นล่ะครับ ถึงดิสเก็ตต์จะมีความจุเพียงไม่กี่ MB แต่ขนาดไฟล์และโปรแกรมต่าง ๆ ในยุคนั้นก็มีขนาดอยู่ในหลัก Byte และ Kilobyte (KB) หน่วยความจำภายนอกจึงเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

ทีนี้ปัญหาสำคัญมันจะเกิดขึ้นถ้าเราใส่ดิสเก็ตต์มากกว่า 1 แผ่นเข้าไปในเครื่อง ผู้ใช้จะเริ่มเกิดความสับสนว่าจะเรียกไฟล์ที่สำคัญในดิสเก็ตต์แผ่นที่ 1 ได้อย่างไร หรือจะสลับไปอ่านไฟล์ในแผ่นที่ 2 ได้อย่างไร นั่นจึงทำให้เกิดการใช้ระบบตัวอักษรขึ้นมา โดยยึดเอาตัวอักษรในภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นไดรฟ์แรกที่ใส่ดิสเก็ตต์แผ่นที่ 1 จึงเป็นไดรฟ์ A และไดรฟ์ของดิสเก็ตต์แผ่นที่ 2 จึงเป็นไดรฟ์ B นั่นเองครับ

หลังจากระบบปฏิบัติการ CP/M แล้ว ระบบปฏิบัติการ DOS ของ Microsoft ซึ่งยังอยู่ในรูปของการพิมพ์คำสั่งเพื่อรียกใช้ข้อมูล ได้นำระบบระบุไดรฟ์ด้วยตัวอักษรมาใช้ด้วยเช่นกัน ในช่วงแรก ๆ ก็มีเพียงไดรฟ์ A และ B กันเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งฮาร์ดดิสก์เริ่มเข้ามามีบทบาทในการเก็บข้อมูลมากขึ้น จึงได้มีการระบุตัวอักษรให้กับพื้นที่ตำแหน่งที่ 3 เป็นตัว C นั่นเองครับ

เมื่อเวลาผ่านไปดิสเก็ตต์ได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ ประกอบกับระบบปฏิบัติการที่พัฒนาใช้พื้นที่จัดเก็บเพิ่มมากขึ้น หน้าที่ทั้งหมดจึงตกเป็นของฮาร์ดดิสก์ ทำให้ไดรฟ์ A (บางเครื่องยังเหลือ B ให้ใช้) ถูกใช้เป็นไดรฟ์สำหรับเสียบดิสเก็ตต์เพื่อเก็บไฟล์ต่าง ๆ ไว้ใช้นอกสถานที่ ไดรฟ์ C จึงกลายเป็นไดรฟ์หลักเป็นต้นมาครับ

 

คำถามคือถึงแม้ปัจจุบันจะไม่มีดิสเก็ตต์ให้ใช้แล้ว แต่ทำไม Windows ยังคงใช้ไดรฟ์ C เป็นไดรฟ์หลักอยู่ล่ะ?

การใช้ตัวอักษร C อ้างอิงถึงไดรฟ์หลักนั้น สืบเนื่องมาจากเรื่องราวข้างต้น ช่วงที่ฮาร์ดดิสก์เข้ามาแทนที่ดิสเก็ตต์ ไดรฟ์ C ก็กลายมาเป็นจุดในการใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการไปโดยปริยาย มันจึงกลายเป็นความเคยชินที่ว่าต้องเริ่มต้นด้วยไดรฟ์ C แทนที่จะเป็น A และ B อีกทั้ง Microsoft ต้องการให้เกิดความเข้ากันได้ของโปรแกรมต่าง ๆ กับระบบปฏิบัติการ นับตั้งแต่การเปลี่ยนผ่าน DOS มาเป็น Windows เรายังสามารถนำโปรแกรมเก่า ๆ ใน DOS มาใช้งานได้อยู่ เพราะมันใช้ระบบอ้างอิงไดรฟ์แบบตัวอักษรเหมือนกัน พูดง่าย ๆ คือ ก็ปล่อยให้ใช้ไปนั่นแหละ ไม่เสียหาย ถ้าเปลี่ยนแล้วเดี๋ยวมีปัญหาด้าน Compatibility

นอกจากนี้บางคนอาจสงสัยว่าเราสามารถเปลี่ยนตัวอักษรจาก C เป็นอื่น ๆ ได้หรือไม่? คำตอบคือเปลี่ยนได้ครับ จะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ A-Z แต่อย่าลืมว่าบางทีโปรแกรมที่ติดตั้งบนเครื่องมันไม่ได้ฉลาดพอ คนเกือบทั่วโลกรับรู้ทั่วกันว่าไดรฟ์หลักของคอมพิวเตอร์จะเป็นไดรฟ์ C เพราะฉะนั้นเวลาเขาสร้างโปรแกรมขึ้นมา การเรียกไฟล์ต่าง ๆ บางครั้งจะมุ่งตรงไปที่ไดรฟ์ C อย่างเดียว แล้วถ้าเกิดระบบปฏิบัติการรวมถึงไฟล์สำคัญของโปรแกรมไม่ได้อยู่ในไดรฟ์ C ล่ะก็ ปัญหาก็อาจตามมาในภายหลังได้ครับ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของระบบตัวอักษรในคอมพิวเตอร์แบบสั้น ๆ นะครับ เพื่อน ๆ มีความเห็นอย่างไรสามารถบอกเล่ากันมาได้ทางคอมเมนต์ แล้วครั้งหน้ามาพบกันใหม่กับบทความในซีรีย์ Extreme History นะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.todayifoundout.com/index.php/2015/04/c-drive-default-windows-based-computers-2/

https://www.howtogeek.com/426852/why-does-windows-still-use-letters-for-drives/

Related articles

แรมบัสสูง vs. แรม CL แน่น ๆ – จะประกอบคอมเล่นเกม ต้องใช้แรมบัสสูง ๆ จริงหรือไม่?

เรื่องตัวเลขความเร็วในวงการคอมพิวเตอร์มันเป็นของคู่กันนะครับ แต่ในอุปกรณ์บางอย่าง ความเร็วอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป และแรมก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เราไม่สามารถมองได้แค่ตัวเลขของความเร็วหรือบัสแรมเพียงอย่างเดียวครับ ทำไมเป็นอย่างนั้น ผมจะพาไปหาคำตอบครับ รายละเอียดของการทดสอบและผลทดสอบขอหยิบยกมาจากเว็บไซต์ Techspot ซึ่งได้มีการทดสอบประสิทธิภาพของแรม DDR5 ที่บัส 5600MHz,...

แอลจีเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ “เทคโนโลยีที่เข้าใจคุณมากขึ้น” ภายใต้แนวคิด AI ความอัจฉริยะที่มีเสน่ห์

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (แอลจี) เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุดภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีที่เข้าใจคุณมากขึ้น” (Less Artificial, More Human)...

[Extreme History] – ELIZA แชตบ็อตนักบำบัด (จอมปลอม) สร้างขึ้นเพื่อทดสอบจิตใจมนุษย์

จากหัวเรื่องผมไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เพราะ ELIZA ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบจิตใจ (หลอกลวง) มนุษย์ ถึงขนาดทำให้นักจิตบำบัดยังหลงเชื่อว่ามันคือ AI ที่สามารถบำบัดจิตได้จริง...

“realme 14 Series 5G” X “Bacon Time” ผนึกกำลังทีมอีสปอร์ตระดับโลก เปิดตัว Performance Dominator คนใหม่ สัมผัสนวัตกรรมเกมมิ่งโฟนสุดยิ่งใหญ่ 27 มีนาคมนี้ พร้อมกัน!

realme (เรียลมี) แบรนด์เทคโนโลยีเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ประกาศแผนกลยุทธ์ปี 2568 เดินหน้าสู่การเป็นสมาร์ตโฟนที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านประสิทธิภาพ ดีไซน์ และคุณภาพการใช้งาน ประกาศจับมือ...

ศัพท์การ์ดจอต้องรู้ – TDP, TGP และ TBP ตัวย่อบอกการใช้พลังงาน แต่ละอันคืออะไรกันนะ ??

ไม่ว่าใครที่เข้าวงการคอมพิวเตอร์มาทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ น่าจะคุ้นเคยกับตัวย่อ TDP, TGP และ TBP โดยเฉพาะการ์ดจอ แต่ผมก็เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าจริง ๆ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า