[Extreme History] Duck Hunt เกมยิงเป็ดสุดฮิตในอดีต รู้ไหมเรายิงได้ยังไง?

ผมเชื่อว่าเด็ก ๆ ที่เกิดในช่วงปี 1990-2000 น่าจะเคยเป็นเจ้าของเครื่องเล่นเกม Nintendo NES และเกมที่ทุกคนต้องเคยเล่นนอกเหนือจากมาริโอ้แล้ว มันคือเกม Duck Hunt หรือเกมยิงเป็ดอันเลื่องชื่อนั่นเองครับ

วิธีการเล่นเกม Duck Hunt นั้นง่ายมาก เพียงแค่หยิบปืนที่ซื้อแยกมาสำหรับเกมนี้ แล้วยิงให้โดนเป็ดที่บินอยู่ในจอโทรทัศน์เท่านี้ก็เรียบร้อย แต่สิ่งที่ผมยังสงสัยอยู่เสมอมาคือ “เรายิงเป็ดได้อย่างไร?” ในเมื่อปืนอยู่นอกจอ วันนี้เรามาหาคำตอบเรื่องนี้กัน พร้อมทั้งไปอ่านประวัติของเกมยิงเป็ดกันอีกเล็กน้อย เผื่อใครอยากรำลึกความหลังวัยเด็กอีกสักครั้ง

Duck Hunt ของ SEGA

จริง ๆ แล้วเกม Duck Hunt เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1969 จัดจำหน่ายโดยค่าย SEGA หนึ่งในค่ายคอนโซลชื่อดังในอดีต อย่างไรก็ตาม เกมของ SEGA แตกต่างไปจากที่เราเคยเล่นกันมากพอสมควรเลยล่ะ เนื่องจากเครื่องเล่นของ SEGA มีลักษณะเหมือนตู้เกมตามห้างสรรพสินค้า และมีแท่นวางปืนที่ไม่สามารถขยับทิศทางไปตำแหน่งอื่นได้ ทำได้แค่ยิงเป็ดที่เคลื่อนไปมาบนจอด้านหน้าเท่านั้น แต่เทคโนโลยีในตอนนั้นได้แค่นี้ก็ถือว่าหรูแล้วล่ะครับ

หลังจากนั้นในปี 1985 ทาง Nintendo ได้นำเกม Duck Hunt กลับมาทำเป็นเวอร์ชันของตนเองสำหรับเล่นบนเครื่องคอนโซล Nintendo NES ร่วมกับการขายพร็อพเล่นเกมสุดเท่ อย่างปืนยิงเป็ด NES Zapper แน่นอนว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเกมนี้ เพราะผู้เล่นจะไม่สามารถใช้จอยธรรมดาในการยิงเป็ดได้ แต่ต้องใช้เจ้าปืน Zapper ยิงไปที่หน้าจอโทรทัศน์แทน ความแตกต่างสำคัญของเกมเวอร์ชัน SEGA และ NES อย่างแรกคือผู้เล่นสามารถโยกย้ายปืน Zapper ได้อย่างอิสระ และอย่างที่สองคือ ปืน Zapper ใช้กลไก “แสง” ในการยิง แทนที่จะเป็นรูปแบบแมคคานิคเหมือนเกมเวอร์ชันเก่านั่นเองครับ

NES Zapper

 

Photodiode

ทีนี้เรามาดูกลไกแสงของปืน Zapper กันบ้างนะครับ ต้องบอกว่าเทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงยุค 1970-1980 ภายในลำกล้องของปืนจะมีชิ้นส่วนที่เรียกว่า Photodiode ซึ่งมีความไวแสงสูง หน้าที่ของมันคือจับจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงของสีดำไปเป็นสีขาวบนจอโทรทัศน์ ฟังแล้วอาจจะงง ลองดูรูปภาพทางด้านล่างนี้นะครับ

หลังจากผู้เล่นลั่นไกปืนไปแล้ว ปืน Zapper จะส่งสัญญาณผ่านสายไฟที่เชื่อมกับเครื่อง NES เพื่อบังคับให้จอโทรทัศน์เรนเดอร์สีดำขึ้นมาทั้งจอ ทีนี้ตัว Photodiode ในลำกล้องจะรู้ทันทีว่า “อ้อ นี่คือสีดำนะ จำไว้ ๆ” ทันใดนั้นคอนโซล NES จะสั่งให้มีการเรนเดอร์ภาพขึ้นมาใหม่ แต่แตกต่างกันตรงที่ในตำแหน่งที่มีเป็ดอยู่ จะเป็นช่องสี่เหลี่ยมสีขาว เมื่อตำแหน่งจากเดิมที่เคยเป็นสีดำกลายเป็นสีขาวแล้ว Photodiode จะจับจุดได้ทันทีว่า “เห้ย สีดำหายไป ไอ้สีขาวนี่คือตัวเป็ด !!” แล้วปืนจะส่งสัญญาณกลับไปยังเครื่อง NES ว่าขณะนี้ได้ยิงเป็ดเป็นที่เรียบร้อย! แล้วเป็ดก็จะตายไปร่วงหล่นลงพื้นนั่นเองครับ

ภายในลำกล้องของ NES Zapper

กลไกทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ๆ ซึ่งจริง ๆ ตัวผมเองก็พอมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของจอโทรทัศน์ตามด้านบนนะ แต่ตอนนั้นคิดว่ามันคือแสงแฟลช เป็นเอฟเฟคของตัวเกมอะไรแบบนั้น ทั้งที่แท้จริงแล้วมันคือกลไกสำคัญของเกมนี้เลยล่ะ นอกจากนี้ทริคที่ให้ Photodiode จับภาพสีดำก่อนแล้วค่อยจับการเปลี่ยนแปลงจากสีดำกลายเป็นขาว ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการโกงเกม (โดยยิงไปที่หลอดไฟสีขาวแทนการยิงเป็ดบนหน้าจอ) และป้องกันไม่ให้เกิดการยิงพลาดนั่นเองครับ

 

ทำไมเกม Duck Hunt และเกมแนวเดียวกันจึงไม่ค่อยมีให้เล่นกันแล้วล่ะ?

อันนี้ต้องย้อนกลับไปดูเรื่องเทคโนโลยีบนจอโทรทัศน์ ผมจะเล่าให้ฟังสั้น ๆ ละกันนะ คือในสมัยก่อนเรานิยมใช้จอที่เรียกว่า CRT (Cathode Ray Tube) ถึงแม้มันจะมีขนาดใหญ่เทอะทะ น้ำหนักมาก แต่จุดเด่นที่สำคัญคือเรื่องความไวในการฉายภาพ เนื่องจากจอ CRT ใช้กลไกการยิงแสงอิเล็กตรอนมาที่แผงวงจรทางด้านหน้าให้เกิดสีสันต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าเส้นทางของการก่อเกิดภาพนั้นใช้เวลาน้อยมาก แทบจะเป็นการเกิดภาพแบบเรียลไทม์เลยก็ว่าได้

ในขณะที่จอรุ่นใหม่จะเป็นจอ LCD ซึ่งใช้กลไกการเบี่ยงเบนของผลึกคริสตัลเพื่อให้เกิดภาพ ประเด็นอยู่ที่ว่าเจ้ากลไกนี้มันใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าการยิงแสงอิเล็กตรอนของจอ CRT พอภาพล่าช้าจึงส่งผลให้ปืน Zapper ไม่สามารถจับตำแหน่งของสีดำและสีขาวได้ทัน ทำให้เป็ดบินหนีไปจากจอในที่สุด เราเรียกที่สิ่งเกิดขึ้นนี้ว่า Input Lag

 

ความสำเร็จ

Duck Hunt ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของรายได้และชื่อเสียง ข้อมูลจากทาง Nintendo เผยว่าเกมนี้ทำยอดขายได้สูงถึง 28 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก ขึ้นเป็นอันดับ 2 จาก 10 เกมที่มียอดขายสูงสุดสำหรับเครื่อง NES (เป็นรองจากเกม Super Mario Bros.) แม้จะมีการนำตัวเกมกลับมาทำใหม่ เพื่อเล่นบนเครื่องคอนโซล Nintendo Wii แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับเวอร์ชันดั้งเดิมครับ

เรียกได้ว่าเกมนี้ปลูกฝังความเป็นเกมเมอร์นักแม่นปืนให้พวกเราตั้งแต่เด็ก ๆ ใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับเกมนี้อย่างไร สามารถบอกเล่ากันได้ในคอมเมนต์เลยนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูจาก https://www.scienceabc.com/innovation/how-did-the-nintendo-game-duck-hunt-work.html

Related articles

AIS เผยข้อมูลการใช้งาน สงกรานต์ 67 คึกคัก เย็นฉ่ำทั่วไทย ถนนข้าวหลามครองแชมป์คนใช้งานเน็ตสูงสุด นักท่องเที่ยวต่างชาติปักหมุดเล่นน้ำยอดโตพุ่ง 38%

AIS เปิดพฤติกรรมการใช้งานช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 ของลูกค้าและคนไทย โดยได้จัดเต็มโครงข่าย ทั้งมือถือและเน็ตบ้านสาดสัญญาณฉ่ำตลอดเทศกาล ครอบคลุมโมเมนต์ความสุขทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โดยปีนี้พฤติกรรมการใช้งานของคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์พบว่ามีการกระจายตัวของการใช้งานในพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ...

OPPO เปิดตัวนวัตกรรม AI ที่งาน Google Cloud Next ’24 นำเสนอโมเดล Gemini ของ Google บนโทรศัพท์ AI

l OPPO และ OnePlus ร่วมมือกันเพื่อนำประสบการณ์โทรศัพท์ AI ใหม่มาสู่ผู้ใช้มากกว่า 10 ล้านคน l...

โปรแกรมสมนาคุณ Genius ช่วยประหยัดงบได้! Booking.com แชร์เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณได้รับข้อเสนอสุดพิเศษ ยกระดับการเดินทางให้น่าประทับใจยิ่งขึ้น

จากแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทางเพื่อคาดการณ์เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2567 ของ Booking.com พบว่าเทรนด์ ‘ขอให้ได้ลุ้น’ หรือ ‘Surrender Seekers’ เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้เดินทางชาวไทยที่ต้องการปล่อยใจไปกับความเซอร์ไพรส์...

ป้องกัน: ร่วมรักษ์โลกด้วยกันกับ “HP Planer Partners โครงการรีไซเคิลตลับหมึกเอชพี”

HP Planer Partners โครงการรีไซเคิลตลับหมึกเอชพี HP Planer Partners หรือ โครงการรีไซเคิลตลับหมึกเอชพี คือ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า