Intel ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในด้านผู้ผลิตและวิจัย silicon และเทคโนโลจีกระบวนการผลิตอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันมาหลายปีและก็เป็นคนแรกที่นำเสนอ FinFET technology โดยที่คู่แข่งต่างก็ต้องยกธงขาวให้ ล่าสุดกำลังดำเนินการเจนต่อไป 10nm node เข้าสู่ตลาดผู้บริโภค.
สิ่งที่ท้าทายก็คือความแน่นหนาของพื้นที่ การลดขนาดของตัว node ตัว transistors ที่มีขนาดที่เล็กลงรวมถึงความซับซ้อนที่มีมากยิ่งขึ้นทำให้ในเจนต่อๆไปใช้เวลาในการพัฒนาที่กินเวลามากยิ่งขึ้นเพื่อให้กำเนิด processors รุ่นใหม่ๆต่อๆไป.
สำหรับ Intel 10nm process หรือกระบวนการผลิตสายพานใหม่นี้เกิดความล่าช้าหลายครั้ง ล่าช้าจนทำให้คู่แข่งนั้นสามารถไล่ตามหลังได้ทัน, และหนึ่งในนั้นก็คือ Globalfoundries ที่สามารถก้าวกระโดดจาก 14nm ไปยัง 7nm และนี้เป็นครั้งแรกที่ทิ้งห่างพี่ใหญ่ในวงการที่กำลังง่วนอยู่กับ 10nm process.
เทคโนโลจี EUV (Extreme Ultra Violet) ที่ล่าช้านี้เป็นสาเหตุสำคัญให้ตัว nodes รุ่นต่อไปไม่สามารถผลิตขึ้นได้ทันกับความต้องการของตลาดละยังไม่รวมถึงข้อจำกัดในด้านเทคโนโลจีอีกด้วย, ทาง Samsung มีแผนที่จะขยับลงไปถึง 3nm. ส่วน Globalfoundries ก็มีแผนที่จะนำ EUV technology รวมเข้าไปยัง 7nm LP (Leading performance) node.
Globalfoundries ได้เตรียม 7nm node เจนใหม่นี้ให้กับทาง AMD เป็นที่เรียบร้อยกับ Zen2 และ Navi CPU/GPU architectures, ซึ่งเคลมไว้ว่ามันจะมีความหนาแน่นมากขึ้นถึงสองเท่าสำหรับ transistor density ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมา 40% และใช้พลังงานน้อยลงถึง 55%.
คำตอบที่อยู่ข้างหน้าก็คืออะไรมันจะดีกว่ากันระหว่าง Intel 10nm และ GobalFoundries 7nm processes ในด้านประสิทธิภาพ. และสำหรับ 7nm GlobalFoundries น่าจะนำเอาเทคโนโลจีหลายอย่างจากทาง IBM มาใช้หากย้อนไปเมื่อปี 2015, เหตุเพราะนี้เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ๋ที่อยู่ดีๆก็กระโดดไปถึง 7nm. สังเกตุได้ว่า GlobalFoundries 14nm process รุ่นดั่งเดิมนั้นประสบปัญหาหลายอย่างด้วยกัน, ทำให้ทาง Samsung นั้นกวาดสัญญา 14nm process ไปได้ไม่น้อย, และครั้งนี้น่าจะเป็นอีกครั้งที่ทางบริษัทคาดหวังว่าจะไม่ซ้ำรอยอีกกับตัว 7nm.
ที่มาเครดิต/Sources:
https://overclock3d.net/news/misc_hardware/globalfoundries_7nm_process_is_set_to_make_intel_s_process_leadership_evaporate/1


You must be logged in to post a comment.