จำกันได้ไหม ? การ์ดจอในตำนานตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน มีรุ่นไหนบ้างไปดูกันเลย

บทความจาก PCGamer นี้ ผมเห็นว่าน่าสนใจดีเหมือนกัน หลายคนที่อยู่มาหลายยุคคงคุ้นเคยกับการ์ดจอสร้างชื่อเหล่านี้เป็นอย่างดี จะมีรุ่นใดบ้างไปดูกันเลยครับ

3dfx Voodoo

การ์ดจอตัวแรกจากค่าย 3dfx ที่เข้ามาเปลี่ยนโลกของการเล่นเกมไปตลอดการ ด้วย Voodoo 1 ที่สามารถประมวลผลกราฟฟิก 3D ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในการประมวลผล 2D แต่สามารถซื้อการ์ดแยกได้) แต่ด้วยการออก GLide API และสเปคอันน่าดึงดูดในสมัยนั้น ทำให้มันได้รับความนิยมอย่างมาก

Voodoo 1 มีความเร็วอยู่ที่ 50 MHz พร้อมแรม 4-6 MB สามารถแสดงผลได้สูงสุดที่ 800×600 pixel สำหรับประวัติเพิ่มเติมของค่าย 3dfx หาอ่านได้จาก ลิ้งก์นี้ เลยครับ

NVIDIA Riva 128

จ้าวแห่งการตลาดตลอดการอย่างค่ายเขียว NVIDIA ในสมัยก่อนถือว่าเป็นหนึ่งในคู่แข่งคนสำคัญของ 3dfx เลยล่ะ และด้วยการเปิดตัวการ์ดจอ Riva 128 หรือ NV3 ก็สร้างเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย

คำว่า Riva นั้นมาจาก “Real-time Interactive Video and Animation” จุดเด่นที่เหนือกว่า Voodoo 1 คือมีการรวมชิปกราฟฟิก 2D และ 3D ไว้ด้วยกัน จึงไม่เกิดปัญหาในการซื้อการ์ดประมวลผลเพิ่มเติม นอกจากนี้ ด้วยรุ่นก่อนหน้าอย่าง NV1 ที่ไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไร เมื่อมีการแก้เกมด้วย NV3 ที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่า NVIDIA จึงเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นตั้งแต่นั้นมา

สเปคของ Riva 128 นั้น เหมือนเอา Voodoo 1 มาเพิ่มสเปคขึ้น 2 เท่า ทำให้มันมีความเร็ว 100 MHz พร้อมด้วยแรม 4MB SGRAM หลังจากนั้นไม่นาน 3dfx จึงแก้มือด้วย Voodoo 2

3dfx Voodoo 2

อีกหนึ่งในการ์ดจอแห่งความทรงจำ Voodoo 2 จัดได้ว่าเป็นการ์ดจอที่อยู่ในจุดรุ่งเรืองสูงสุดของ 3dfx ด้วยประสิทธิภาพที่ถือว่าดีที่สุดในตอนนั้น พร้อมสเปคจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว 90 MHz แรม 8-12 MB รองรับการแสดงผลความละเอียด 1024×768 และที่สำคัญมันรองรับการเชื่อมต่อการ์ดจอ 2 ตัวด้วยเทคโนโลยี SLI (และได้กลายเป็นของ NVIDIA จากการขายกิจการนั่นเองครับ)

NVIDIA GeForce 256

การ์ดจอตัวแรกที่ NVIDIA ใช้เทอมว่า GPU เป็นครั้งแรก โดยมีจุดประสงค์เพื่อบอกว่านี่คือหนึ่งตัวประมวลผลเคียงข้างกับซีพียูนะ อีกทั้งยังมีการรวมฟีเจอร์ด้าน Transform, Lighting, Triangle Setup/Clipping และ Rendering engines

นอกจากนี้หลังการพัฒนา Direct3D 7 เพื่อแข่งกับ GLide ของ 3dfx (ซึ่งได้รับความนิยมลดลงเรื่อย ๆ) และ GeForce 256 ก็ใช้งานได้ดีพอสมควร ด้วยสเปคความเร็ว 120 MHz พร้อมด้วยแรมสูงสุด 32MB ครับ

NVIDIA GeForce 8800 GTX

หากถามว่าการ์ดจอตัวไหนที่ดังที่สุดของค่ายเขียว คงจะหนีไม่พ้น GeForce 8800 GTX (ซึ่งผมต้องขอบอกว่าผมเองก็ไม่เคยใช้นะ สมัยนั้นยังใช้ออนบอร์ด S3 Graphics 32MB อยู่เลย)

GeForce 8800 GTX ประกอบด้วย Tesla Core 128-unit ในชิป G80 GPU พร้อมด้วยแรม GDDR3 768MB อีกทั้งยังมาการนำโมเดล unified shader มาใช้งานและรองรับ Direct3D 10 ด้วย ทำให้มันกลายเป็นการ์ดจอชื่อดังที่ถูกใช้งานมาหลายยุคหลายสมัย และที่สำคัญคือ มันสามารถรันเกม Crysis ในเวลานั้นได้ด้วย

ATI Radeon HD 5970

ก่อนจะมาเป็น AMD การ์ดจอจากค่ายแดงเป็นของ ATI มาก่อน ซึ่งจัดว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาของค่ายเขียวตลอดมา และมีการ์ดจอหลายรุ่นที่สร้างชื่อให้กับ ATI ถึงแม้จะไม่สามารถขึ้นเป็นผู้นำด้านส่วนแบ่งการตลาดได้ แต่ก็ช่วยให้ตลาดการ์ดจอไม่น่าเบื่อสักเท่าไร

และหากกล่าวถึงการ์ดจอ ATI รุ่นที่ดังเป็นพลุแตกมากที่สุด คงหนีไม่พ้น Radeon HD 5970 ที่ใช้ชิปกราฟฟิก Cypress GPU พร้อมด้วยแรม 1GB 256-bit แต่ที่น่าสนใจคือชิปกราฟฟิกมันมี 2 ตัวน่ะสิ !! ใช่แล้วครับ มันคือออกแบบ Multi-GPU ในการ์ดใบเดียว

ผมไม่แน่ใจว่าในตอนนั้นมันถูกนำไปเทียบกับการ์ดจอตัวไหนของค่ายเขียว แต่หากเทียบช่วงเวลาแล้วน่าจะราว ๆ GTX 295 ซึ่งแน่นอนว่า Radeon HD 5970 ชนะใส ๆ ในขณะเดียวกันเรื่องการกินไฟก็ชนะใส ๆ เช่นกัน (กินไฟโหดมาก ๆ)

หลังจากนั้นการ์ดจอแบบ Multi-GPU มีออกมาบ้างประปราย ก่อนที่จะหายไปและเน้นในเรื่องของการ์ดจอชิปเดี่ยวแรง ๆ ไปเลย

NVIDIA GTX Titan

เจ้าพ่อแห่งการ์ดจอองค์รวม GTX Titan ตัวแรกถือกำเนิดในปี 2013 ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งการเล่นเกมและการทำงานประมวลผลกราฟฟิกอื่น ๆ ด้วย

สเปคในตอนนั้นถือว่าแรงมาก ๆ ด้วย CUDA Core 2688-unit ความเร็วสูงสุด 876 MHz และแรม 6GB GDDR5 384-bit ต่อให้เป็นสมัยนี้ก็ยังเล่นเกมหลายเกมได้สบาย ๆ

และเชื่อว่าในทุกวันนี้ถ้ามีโอกาส หลายคนคงอยากได้มันมาครอบครองสักครั้ง คงจะฟินน่าดู

NVIDIA GeForce GTX 1080 Ti

ตอนเปิดตัว Maxwell 900-series ก็ว่าปังแล้วนะ เเทบจะทำให้ค่ายแดงจ๋อยไปเลย พอมาถึง Pascal 1000-series ต้องยอมรับว่ามันทำให้ NVIDIA ชิงส่วนแบ่งการตลาดไปได้เยอะมาก ด้วยประสิทธิภาพอันเยี่ยมยอด ผสมกับการใช้พลังงานที่ดีกว่าคู่แข่ง จนทุกวันนี้มันก็ยังเป็นการ์ดจอที่คุ้มค่าอยู่

สำหรับ GeForce GTX 1080 Ti คือตัวท็อปของ Pascal 1000-series ด้วยสเปคที่แรงจนยากจะหาใครเทียบ (ถึงขนาดว่าการ์ดจอตัวท็อปจาก AMD ก็ยังไม่สามารถเทียบได้เลยในหลาย ๆ การทดสอบ) แถมยังมีราคาค่นข้างเหมาะสม ทำให้ GeForce GTX 1080 Ti กลายเป็นหนึ่งในการ์ดจอที่อยู่ใน Recommend สำหรับคนที่อยากประกอบคอมมือสองสเปคแรง ๆ ครับ

AMD Radeon RX 580

จะไม่ลงค่ายแดงเลยก็กลัวจะน้อยใจ ต้องขอบอกว่าการตลาดของ AMD ในตอนนั้น เน้นกลุ่มผู้ใช้ระดับกลางและระดับเริ่มต้น ทำให้การ์ดจอ RX 500-series จะเน้นในเรื่องของความคุ้มค่าเสียมากกว่า

จริง ๆ ผมอยากให้เป็น RX 570 เสียมากกว่า แต่ไม่เป็นไร ทางบทความต้นฉบับมองว่า RX 580 ที่ปรับปรุงความเร็วจาก RX 480 คือการ์ดจอระดับกลางที่คุ้มค่าอย่างมาก สำหรับการเล่นเกมความละเอียด 1080p อื่มมม…อันนี้ไม่รู้ว่าไปนับรวมความนิยมสมัยขุด Cryptocurrency ด้วยหรือเปล่านะ เพราะในช่วงนั้นการ์ดจอ AMD เป็นที่ต้องการของนักขุดมาก โดยเฉพาะ RX 570/580

NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti

สุดท้ายกับอภิมหาความแรง พร้อมด้วยเทคโนโลยีสดใหม่ Real-time ray tracing การ์ดจอตระกูล RTX 2000-series ได้กลายเป็นผู้นำด้านการประมวลผลแสงสีอันสมจริง และทำให้หลายคนอยากได้มันมาไว้ในครอบครอง
GeForce RTX 2080 Ti อัดแกนประมวลผล CUDA Core มาให้ถึง 4352-unit แม้กระทั่งรุ่นรองลงมาอย่าง 2080 Super ก็มิอาจเทียบได้ พร้อมด้วยความเร็ว 1350 MHz และแรม GDDR6 11GB ก่อเกิดแบนด์วิดธ์ขนาดใหญ่ถึง 616 GB/s !!

ถึงแม้ค่าตัวของมันจะสูงถึง 1200 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เชื่อว่าหลายคนคงอยากได้ไว้เป็นเจ้าของ และคนที่มองหาความแรงและความสุดในการเล่นเกมจริง เขาคงมองว่ามันคือการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วล่ะครับ

เอาล่ะจบกันไปแล้วนะครับ สำหรับ Most iconic GPU แล้วการ์ดจอในตำนานของเพื่อน ๆ คือรุ่นไหนบ้าง ลองคอมเมนต์บอกเล่ากันมาได้เลยนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.pcgamer.com/most-important-graphics-cards-history/