Nvidia เปิดตัว Pascal  GTX 1080 – แรงเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ GTX 980

มาในครั้งนี้ Nvidia ก็ประสบความสำเร็จอีกครั้งกับการเปิดตัว GTX 1080. จากการสำรวจในงานเปิดตัวจากหลายสำนัก ได้ยื่นยันกันแล้วความแรงนั้นเท่ากับตัว GTX 980 ที่เซ็ทเป็น SLI. ซึ่งหากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนั้นมัน 100%!  ในทางด้านความต้องการของ VR นั้น, หากเปรียบกันแบบ ต่อ วัตท์ มันแรงขึ้นมาถึง 200%. หากจะถามว่าตัวเลขที่แน่นอนนั้นจะเอาตรงส่วนไหนมาเปรียบเทียบแบบให้เข้าใจได้ง่ายสุดว่า อันไหน 100 หรือ 200 เปอรืเซนต์ ต้องกล่าวว่าขึ้นอยู่กับ application ที่จะนำทอสอบ  Geforce GTX 1080 เป็นการ์ดจอตัวแรกเลยที่นำเอา GDDR5X รุ่นใหม่จาก Micron มาใช้ร่วมอยู่ด้วย

การดึงเอา GP104-400-A1 GPU ทำให้ตัวการ์ดมี 2560 CUDA Cores และทำให้ขีดความสามารถนั้นเพิ่มขึ้นมาถึง 20% เมื่อเทียบกับ GTX 980 Ti ตัว Nvidia’s Pascal architecture สร้างอยู่บนโครงสร้างฐาน 16nm FinFET process (2x Perf/Watt ที่เพิ่มขึ้น).และเป็น single precision performance
ทาง Nvidia เคยนำเสนอถึงตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ที่กำลังจะมานี้กับซอร์ฟแวร์ที่ต่างชนิดกันถึง 3 ตัว VR demo, DX12 และ AAA title/เกมส์ที่มีกราฟฟิกแบบเข้มข้น. เกมส์ Witcher 3: Wild Hunt เป็นเกมส์ที่มีกราฟฟิกที่สวยงาม และยังขึ้นชื่อในด้านการทำลายหรือทำให้การ์ดจอไหม้มาแล้ว แต่ด้วยความแรงของตัวการ์ดใหม่นี้ GTX 1080 ที่มีความแรงเพิ่มขึ้น 1.6 เทา ไม่มีปัญหาให้เห็น แต่ในขณะที่โชว์ ไม่มีตัวเลขแสดงให้เห็นว่าได้เซ็ทค่าความละเอียดของภาพอยู่ที่เท่าไหร่
DirectX 12 แน่นอนเกมส์ที่ฮ๊อตฮิตติดชาร์ตจะเป็นอื่นใดไม่ได้ Tomb Raider เวอร์ชั่นล่าสุด. GTX 1080 ทำได้ดีกว่าการ์ดรุ่นก่อนได้ถึง 1.7 เท่าในด้านขีดความสามารถ การ์ดจอรุ่นก่อนหน้านี้จะมีปัญหากับตัว DX12 เฉพาะบางเกมส์เท่านั้นไม่ว่าทาง Pascal architecture พยายามจะแก้ไขอย่างไรก็ยังพบเห็นอยู่ มาดูทางด้าน VR “Barbarian” demo ตัว GTX 1080 สามารถทำได้ดี ไม่ใช่แค่ 2 แต่เป็น 3 เท่าในด้านประสิทธิภาพเลยทีเดียว ทำให้การรองรับ VR workload นั้นทำได้อย่างไม่มีปัญหา

Power supplied/พลังงาน เป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆเลยสำหรับแนวทางการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆกับตัว GPU ด้านค่ายโมทั้งหลายที่ออกการ์ดจอมาหลากหลายรุ่นที่สามารถทำ overclocking ได้สูงขึ้นร่วนแล้วแต่คำนึงถึงการจ่ายพลังงานให้ได้เสถียรหรือคงที่ให้ดียิ่งขึ้น ตัว GTX 1080 ก็เข่นกัน ไม่เพียงแต่เห็นทางด้านการใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพแต่กระแสไฟที่จ่ายมาต้องคงที่สม่ำเสมอยามที่อยู่ในโหมด ทำงานหนัก/heavy workloads ตัว GTX 1080 ยังได้มาตรฐานทางด้านพลังงาน 80%+ power efficient แม้กระทั่งอยู่ในช่วงใช้งานแบบเต็มที่.

การ์ดจอใหม่นี้ยังกำหนดการดึงพลังงานมาใช้จากตัว power supply ไว้ที่ 120mV ซึ่งเป็นสองเท่าของการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดหากเทียบกับรุ่นที่แล้วจะอยู่ที่ 209 mV  ทำให้ตัวการ์ดจอใหม่นี้ค่าใช้พลังงานไปอยู่ที่ 180W TDP ด้วยการต่อเข้ากับ 8-pin connector เพียงเส้นเดียว, และยังสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการทำ overclocking

การทำ Overclocking GTX 1080

ความเร็ว clocks ที่หลุดมาจากโรงงาน GTX 1080 อยู่ที่ 1733 Mhz, แต่ในงานโชว์ตัวนั้น ทำได้ 2.1 Ghz.  และมีเพียงระบบทำความเย็นที่มากับโรงงานเท่านั้นที่เป็นตัวช่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 23% และมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับ Maxwell การเปลี่ยนตัว FinFETs ใหม่นี้ช่วยให้การทำงานนั้นดีเยี่ยมเพิ่มขึ้น

รองรับ HB SLI Bridge Technology

ทาง Nvidia ได้เก็บความลับเกี่ยวกับ ระบบ SLI bridges ใหม่เอาไว้ โดยมีรหัสชื่อเรียกว่า “HB SLI Bridge”, ชื่อเต็ม High Bandwidth SLI Bridge คงไม่ต้องแปลนะครับว่าหมายถึงหรือเกี่ยวกับอะไร (ทำให้การถ่ายโอนของ Bandwidth นั้นดีมากยิ่งขึ้นหรือเป็นสองเท่านั้นเอง) ใช่แล้วครับ เป็นสองเท่า HB SLI bridges จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับตัว bandwidth แต่ว่าทาง AMD ทำได้ดีกว่านั้นคือ bridge-free ซึ่งหวังเอาไว้ว่าทาง Nvidia จะตาม. SLI Bridges ? จริงๆแล้วเราคงไม่ต้องการค่า bandwidth จำนวนมากๆเท่าไหร่ หากแต่ว่าอยู่ในช่วง syncing และ timing จะมาดูกันว่าเทคนิคใหม่นี้จะมีลูกเล่นอะไรที่ดีกว่าเดิม

Simultaneous Multi Projection Technology

ในด้านของ VR แน่นอนว่ามีการจ่ายภาพออกมาหลายมุม ซ้าย/ขวา รวมกันเป็นหนึ่ง ตัว GTX 1080 ได้นำเสนอ “Simultaneous Multi Projection” ซึ่งสามารถทำให้ตัว GPU สร้างภาพได้หลายๆมุมมองภายในภาพเดียวกันและแน่นอนสามารถทำให้ประสิทธิภาพนั้นลดลง Virtual Reality จะเป็นอีกบทที่จะมาท้าทายเทคโนโลจีของการ์ดจอว่า ดีแค่ไหน ซึ่งทาง Nvidia ดูเหมือนจะทำการบ้านมาอย่างดี

ภาพแรกในโหมด VR demo ไม่มี “single pass stereo” filter. ตัว GPU จ่ายภาพออกมาด้วย frame rates  60 fps. เป็นความเร็วที่ช้าและสามารถทำให้เกิดอาการมึนงงได้/motion sickness ใน VR. และเมื่อเปิด Single Pass Stereo filter ตัว เฟรมเรทก็ไปอยู่ที่ 90 fps ทาง Nvidia ได้ใช้ระบบนี้มาแก้ไขซึ่งสามารถแก้ไขทั้งทางด้านประสิทธิภาพของตัวการ์ดที่ลดน้อยลงและผลข้างเคียงของการเล่น VR titles

ที่มาเครดิต

http://wccftech.com/nvidia-gtx-1080-detailed/