Review Nubia Z17 Mini Aurora Blue Limited Edition มาพร้อมกับ RAM 6GB / ROM 128GB

สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Extreme PC ทุกๆท่าน หลังจากทางค่าย nubia ได้เปิดขาย Z17mini ไปได้ซักระยะ ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ ด้วยขนาดหน้าจอที่กำลังพอเหมาะ มาพร้อมกับขุมพลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในราคาไม่ถึงหมื่นบาท และยังไม่พอทางค่ายยังมีรุ่นต่อยอดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนที่ชอบขนาดความจุที่เยอะขึ้นนั้นคือ Nubia Z17 Mini Aurora Blue  Limited Edition นั้นเองครับ

Nubia Z17 Mini Aurora Blue  Limited Edition มาพร้อมกับน้ำเงิน เพิ่มความน่าใช้มาขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้มีแค่สีที่เพิ่มมา แต่มาพร้อมกับขนาดหน่วยความจำขนาดใหญ่ขึ้น สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างมหาศาลกันเลยทีเดียว มาพร้อมกับ RAM 6GB หน่วยความจำภายใน ROM 128GB และยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD card ได้อีกสูงถึง 200GB และยังไม่พอ เมื่อก่อนใช้ Qualcomm Snapdragon MSM8976 (652)  ได้เปลี่ยนมาใช้ Qualcomm Snapdragon MSM8976pro(653)  แรงขึ้น เย็นลง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม

spec  Nubia Z17 Mini Aurora Blue

• หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล
• หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon MSM8976pro(653)
• GPU Adreno 510
• RAM 6 GB
• ROM 128 GB รองรับ microSD CARD ได้สูงถึง 200GB
• กล้องหลังคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล  (13MP Monochrome + 13MP RGB imx258 RGB sensor+imx258 MONO sensor Stacked image sensor Sapphire Glass Protective Lens F2.2 รูรับแสง NeoVision 6.0 สำหรับ Z17mini)
• กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.0
• ระบบเสียง DTS
• แบตเตอรี่ 2,950mAh
• ราคาจำหน่าย 11,990 บาท สามารถสั่งซื้อได้ที่ กดซื้อ

การออกแบบก็เหมือน Nubia Z17 Mini ก่อนหน้านี้ทุกอย่างครับ จะเพิ่มมาก็แค่เรื่องสีที่มาพร้อมกับสีน้ำเงิน ในส่วนของวัสดุเป็นอะไรที่ผมชอบสุดๆ วัสดุเป็นโลหะตัดขอบและมุมต่างๆแบบไดมอนคัตด์ ตัววัสดุจะมีผิวลื่นๆมือหน่อย ให้ฟิลลิ่งดีว่าเราสัมผัสโลหะแท้จริง ส่วนสีที่เคลือบมางานดูละเอียดมาก ต้องยอมเขาหล่ะเรื่องความปราณีตในการออกแบบและผลิตออกมา ก็เพราะซีรี่ย์ Z เป็นซีรี่ย์เรือธงของทางค่ายนั้นเองครับ

จุดเด่นๆที่อยากแจ้งให้ทราบคือ

• มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม.
• ช่องชาร์จแบตหรือโอนถ่ายข้อมูลเป็น USB type C
• ปุ่มสแกนนิ้วอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง
• ถาดซิมแบบไฮบริท

ระบบปฎิบัติการ

Nubia Z17 Mini Aurora Blue ยังมาพร้อมกับ Android 6.0.1 Marshmallow ครอบทับด้วย nubia UI 4.0 เช่นเดิมครับ หน้าตาเมนูและการตั้งค่าก็ยังเหมือนเดิมนะครับ

ประสิทธิภาพการทำงาน

Nubia Z17 Mini Aurora Blue ไม่ได้เปลี่ยนแค่สีตัวเครื่องเท่านั้น แต่ได้เปลี่ยนมาใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon MSM8976pro(653) / GPU Adreno 510 เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม สำหรับใครที่ต้องการนำไปเล่นเกมส์โหดๆ Adreno 510 เอาอยู่สบายๆครับสำหรับความละเอียดหน้าจอ FHD คะแนนโหมด 3D ขึ้นไปถึงสองหมื่นกว่าๆ มั่นใจได้เลยว่าไหว

RAM 6GB เปิดใช้งานจะเหลือประมาณ 4.5 GB

ROM 128GB ถือว่าให้มาเยอะมากๆ ถ้ายังไม่พอก็ยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงถึง 200GB

กล้องหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f2.2 เลนส์แบบมุมกว้าง 80 องศา

กล้องหลัง มาพร้อมกับความละเอียด 13+13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ sony imx258 แยกกันทำงาน  True color RGB + full-light MONO ระบบโฟกัสแบบ PDAF ทำงานร่วมกับ NeoVision 6.0 หลังจากที่ทดลอง ในโหมด พอร์ทเทรท รู้สึกว่าจะจับโฟกัสได้แม่นและรวดเร็วกว่าตัวก่อน ภาพออกมาเนียนดี ขอบไม่ขาดแล้ว น่าจะเป็นที่เฟริมย์แวย์ด้วยครับ ส่วนโหมดอื่นๆก็พอๆกับตัวก่อนหน้านี้ (ภาพที่ทำรีวิวก็ถ่ายจากกล้อง nubia Z17mini นะครับ)

ภาพถ่ายจากกล้องหลัง Nubia Z17 Mini Aurora Blue ในโหมด หน้าชัดหลังเบลอ

โหมด AUTO

จุดเด่นที่ควรรู้ Nubia Z17 Mini Aurora Blue 

• มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon MSM8976pro(snap653)
• RAM 6 GB
• ROM 128 GB
• กล้องหลังเลนส์คู่ ใช้เซนเซอร์ sony imx258 ความละเอียด 13+13 ล้านพิกเซล
• มาพร้อมกับระบบเสียง DTS
• ขนาดจอ 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล แสดงผลไดด้สวยงามมาก
• รองรับ NFC
• รองรับ VoLTE
• รองรับ wi-fi 2.4 / 5.0 GHz
• มีระบบจัดการพลังงาน ด้วยเทคโนโลยี NeoPower ปรับการใช้งานของ HW ให้สอดคล้องกับการใช้งาน เพื่อยืดอายุของแบตให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
• ในส่วนของการใช้งานสองหน้าจอพร้อมกัน โหมดโคลนแอ๊พ หรือใช้งานขอบหน้าจอ ยังใช้งานได้ปกติครับ

สรุป

Nubia Z17 Mini Aurora Blue มีราคาค่าตัวที่ 11990 บาท ราคาจะห่างจากตัวก่อนหน้านี้สีดำอยู่ สามพันบาท เงินที่ห่างกันสามพันบาทที่ท่านจะได้กลับมาคือ CPU ตัวใหม่ แรงขึ้นนิดหน่อยจากของเดิม / RAM เพิ่มจาก 4 มาเป็น 6 GB และเด็ดสุดคือหน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 128GB สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะขึ้น

ก็ลองชั่งใจดูครับว่าคุ้มไหม สำหรับผมถือว่าคุ้มกับส่วนต่างสามพันบาท และที่สำคัญมันเป็น Limited Edition ที่มีเพียง 500 เครื่องเท่านั้นในบ้านเรา