Review: WD MY CLOUD HOME DUO พก Cloud เอาไว้ที่บ้าน เข้าถึงได้ทั่วโลก

Review: WD MY CLOUD HOME DUO พก Cloud เอาไว้ที่บ้าน เข้าถึงได้ทั่วโลก

 

สวัสดีครับเพื่อนๆชาว ExtremePC ทุกๆท่าน กลับมาเจอกันอีกหนึ่งครั้งสำหรับวันนี้ทางผมก็มีอุปกรณ์สำหรับมือใหม่อีกตัวหนึ่งมาให้เลือกใช้งานกันครับ โดยทาง WD นั้นได้ส่งเจ้า My Cloud Home มาให้ทดลองใช้งานและรีวิว โดยหลายๆท่านอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไรใช้เครื่อง Nas หรือเปล่า ต้องบอกว่าถ้าเป็นเครื่อง Nas มือใหม่จะใช้งานยุ่งยากมากเพราะต้องเซต Ip ของตัว Nas อาจจะยุ่งยากมาก สำหรับคนใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่เป็น โดยวันนี้จะเป็นอุปกรณ์สำหรับ Home User โดยเฉพาะ เพราะว่าถ้าเพื่อนๆใช้งานเกียวกับ Drop Box เป็นแล้วละก็ สามารถใช้งานเจ้าเครื่องนี้เป็นอย่างแน่นอน เพราะว่าทาง WD มี Server ส่วนกลางเพื่อที่จะให้สมัครสมาชิคหน้าเว็บไซค์เอาไว้ใช้งานเข้ากับเครื่อง WD My Clound Home Duo ครับ หรือจะพูดง่ายๆแค่มีคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อะไรก็ได้เข้าเว็บไซค์ได้ก็สามารถเข้าถึงไฟล์หรือข้อมูลของเราที่เก็บไว้ได้นั้นเองครับ

 

 

สำหรับตัว WD My Cloud Home นั้น จะมีออกมาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน โดยจะเป็นแบบตัวธรรมดากับตัว Duo ทั้ง 2 ตัวนี้ใช้งานเหมือนกันหมดแต่ที่มีข้อแตกต่างออกไปจะเป็นของความจุครับ  ตัวธรรมดาปกติจะมีความจุเริ่มต้นที่ 2 ถึง 8 TB และถ้าเป็นตัว Duo นั้นจะมีความจุให้เลือกใช้งานตั้งแต่ 4 ไปจนถึง 16 TB เลยทีเดียวครับ

มาดูตัวแพ็คเกจกันเลยดีกว่า หน้าตาแพ็คเกจนั้นต้องบอกว่าเรียบง่าย ตัวกล่องสีขาวสะอาดตาครับ โดยทางด้านหน้ากล่องมีการบอกรายละเอียดเอาไว้ชัดเจน

สำหรับรุ่นที่ผมได้รับมานี้จะเป็นแบบ Duo หรือมี HDD ภายในเครื่องทั้งหมด 2 ลูก มีการต่อ RAID 1 เอาไว้ครับเป็นโหมดเดิมๆของตัวเครื่องมา เท่ากับว่าข้อมูลของเรานั้นปลอดภัยแน่นอนไม่สูญหายหรือเสียหาย

โดยทางด้านหลังกล่องนั้นมีการอธิบายการต่อใช้งานแบบคร่าวๆเอาไว้ครับ โดยจะเชื่อมต่อสาย Lan ไปยังกล่องเร้าเตอร์หรืออินเตอร์เน็ต เพียงแค่นี้ก็ใช้งานได้ครับ

โดยภายในกล่องนั้นจะมีคู่มือการติดตั้งมาให้ โดยต้องบอกว่าคู่มือจะเน้นไปทางรูป อ่านไม่เกิน 5 บรรทัดเหมาะสำหรับคนไทยที่ไม่ชอบอ่านเพราะเซตง่ายมากจริงๆ โดยภายในกล่องจะมีสาย Lan ยาว 1 เมตร เพื่อเอาไว้เชื่อมต่อเขากับอุปกรณ์และตัวอแดปเตอร์ที่เอาไว้แปลงไฟจ่ายเข้าอุปกรณ์พร้อมหัวเสียบไฟที่สามารถถอดเสียบได้ทั้วโลก

ตัวกล่องนั้นต้องบอกว่ามีความหนานิดๆ เนื่องจากเป็นตัว Duo เพราะข้างในนั้นจะมี HDD ขนาด 3.5 นิ้ว จำนวน 2 ลูก ตัวสึของอุปกรณ์นั้นเป็นสีขาวสะอาดตาตัดกับสีเงินๆทางด้านล่างดูเรียบหรู

ทางด้านหลังของการเชื่อมต่อตัวเครื่องนั้นมีปุ่ม พาเวอร์เล็กๆเป็นเส้นยาวๆ ระหว่างรองต่อของสี มองดีๆจะเห็นครับ  โดนรูทางด้านบนนั้นจะเป็นช่องสำหรับให้ลมออกเพราะมีพัดลมอยู่ทางด้านในดึงลมร้อนออกมาจากตัวกล่องครับ โดยถ้ากล่องมันไม่ร้อนพัดลมก็จะไม่หมุนหรือทำงานช้าๆครับ

ลงมาจะเป็นปุ่มรีเซตเครื่อง ปุ่มนี้บอกเอาไว้ก่อนนะครับถ้าใคตรจะล้างข้อมูลหรือขายต่อเวลากดรีสตาส์ต้องกดคาเอาไว้ทั้งหมด 1 นาที เครื่องถึงจะล้างข้อมูลและต้องต่ออินเตอร์เน็ตเอาไว้ด้วย ล่างลงมาจะเป็นช่องเสียบสาย USB 3.0 ทั้งหมด 2 ช่องเผื่อเราต้องการเชื่อมต่อ HDD เพิ่มเติมได้ตามความต้องการครับและ 2 อันด้านล่างจะเป็นช่องที่ต้องเชื่อมต่อตลอดเวลาคือ Lan และช่องเสียบไฟเลี้ยง

ทางด้านล่างนั้นจะมีช่องระบายความร้อนอีกและฐานยางรองเพื่อให้อากาศถ่ายเทและป้ายลาเบลบอกรายละเอียดของตัวกล่องครับ ตรงนี้จะมีรหัสเอาไว้ลงทะเบียนหรือป้ายทะเบียนเครื่องครับ

 

สำหรับทางด้านบนถ้ามองผ่านๆจะเป็นแผ่นมีขาวเรียบๆ จริงๆแล้วมันจะมีรูปลูกศรเล็กๆอยู่ทางด้านหน้าสามารถงัดเปิดขึ้นมาได้ พองัดออกมาแล้วเราก็จะเจอกับ HDD ขนาด 3.5 นิ้ว จำนวน 2 ลูก จะเป็นแบบ Red เพื่อใช้งานแบบ Nas ตรงนี้จริงๆเราสามารถถอดอัพเกรตถอดเปลียนได้

สำหรับวิธีการเซตค่านั้น เริ่มแรกให้เราเข้าไปที่ : https://home.mycloud.com/sessions/new
แล้วให้ทำการสมัครสมาชิคหน้าเว็บไซค์ให้เรียบร้อย โดยกรอกชื่อ อีเมล์ต่างๆให้เรียบร้อยครับ แล้วให้ทำการล๊อกอินเข้าไปแบบปกติ

 

หลังจากนั้นจะมีปุ่มให้กดค้นหา โดยตรงนี้เราต้องนำตัว WD My Cloud Home Duo เสียบกับปลั้กไฟที่บ้านให้เรียบร้อยและทำการต่อสาย Lan หรือเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้เสร็จก่อนนะครับ โดยดูได้จากไฟทางด้านหน้าของตัวเครื่องต้องมีไฟติดสว่างพร้อมใช้งานก่อน

หลังจากกดค้นหานั้นในหน้าเว็บไซค์จะมีให้ทำการกรอกเหมือนกับรหัสป้ายทะเบียนหรือโคดของตัวเครื่องครับ โดยโคดนี้จะมีมาให้ภายในกล่องแต่ละเครื่องนั้นจะไม่ซ้ำกันเพื่อที่จะได้เลือกเข้าไปถูกอุปกรณ์นั้นเองครับ

หลังจากหาเจอตัว My Cloud Home  จะเซตการ Share ได้ครับ

แค่นี้เรียบร้อย User ของเราก็จะเข้าถึงของมูลตัวกล่อง My Cloud Home ได้ทั่วโลกเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตและล๊อกอินเท่านั้นครับ

หลังจากล๊อกอินแล้วเซต ก็จะได้หน้าตาที่เรียกว่าเหมือน DropBox เลยครับ ใช้งานตามปกติคือโยนไฟล์เข้าไปยังตัว My Cloud Home ได้ตลอดเวลาและสามารถสร้าง User ใหม่ๆได้ตลอดครับ โดยต้องให้ User ที่เป็นเจ้าของกดยืนยัน ไม่ใช่ว่ามีแค่รหัสหลังเครื่องแล้วจะเข้าใช้งานได้ทันทีครับ

การใช้งานก็แค่ลากไฟล์จากคอมไปวางหน้าบราวเซอร์ แค่นี้ก็ถ่ายโอนข้อมูลได้แล้วครับ ง่ายมาก สะดวกมากและเซตง่ายจริงๆ

 

ก็จบไปแล้วสำหรับการทดสอบใช้งานนะครับ จะเห็นว่าการใช้งานจะง่ายมากกว่าเครื่อง Nas เป็นอย่างมากเพราะทาง WD จะมีตัว URL https://home.mycloud.com/sessions/new  ตัวนี้ เราก็สามารถเข้าถึงข้อมูลเราได้ตลอดเวลา โดยเอาจริงๆถ้าเราคิดว่าจำ URL ไม่ได้แล้วละก็ เราสามารถพิมพ์หาใน Google ก็ได้เช่นกันแค่ค้นคำว่า My Cloud Home ก็เจอแล้ว ถือว่าไม่ได้ใช้งานยากแต่อย่างใด และมันเหมาะมากถ้าบ้านเรามีครบครัวมีหลายคนแล้วต้องสมัครพวกสมาชิค iCloud แล้วต้องมาจ่ายเงินรายปี ตรงนี้มันสามารถช่วนเซฟค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ครับ และการใช้งานนั้นไม่ต้องเซตยุ่งยากเหมือน Nas อีกต่อไป ใครก็สามารถใช้งานได้ง่ายๆครับ  สำหรับวันนี้ทางผมก็คงต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ

ราคา

My Cloud Home (2TB – 8TB) 5,190 – 11,900 บาท

My Cloud Home DUO (4TB – 20 TB) 10,500 – 29,900 บาท

Related articles

ป้องกัน: Top 5 กล้องวงจรปิดไร้สาย ประจำปี 2024 ที่ทุกบ้านควรมี

ยุคนี้บ้านไหนก็ต้องมีกล้องวงจรปิด ถือเป็นอีกหนึ่งแกดเจ็ตประจำบ้านที่ขาดไม่ได้ เอาไว้ดูแลสอดส่องความปลอดภัย โดยเฉพาะบ้านไหนเลี้ยงน้องหมา/น้องแมวยิ่งต้องมีไว้เลย จะได้แอบส่องดูเด็ก ๆ ได้ตลอดเวลา แถมยังเอาไว้ติดต่อสื่อสารกับคนที่บ้านได้ด้วย บางคนชอบสั่งของออนไลน์ก็ติดกล้องไว้เพื่อคอยแจ้งกับพนักส่งสินค้าได้เช่นกัน และในปี...

รีวิว iQOO Z9 5G และ iQOO Z9x 5G เอาใจสายเอ็นเตอร์เทน ทั้งเล่นเกมและชมคอนเท็นต์ หน้าจอ AMOLED 1.5K พร้อมลำโพงคู่

เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายแล้วสำหรับ iQOO Z9 5G และ iQOO Z9x 5G เกมมิ่งสมาร์ตโฟนราคาสุดคุ้ม...

AIS ผนึกพันธมิตร จัดเวทีเสวนา ชู ครีเอเตอร์ไทย ผู้นำการเปลี่ยนแปลงบริบทการสื่อสารระดับโลก เปิดสูตรเด็ด เคล็ดลับ ต่อยอด อาชีพครีเอเตอร์ สู่ผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืน

AIS จัดเสวนา Global Creator Culture SummitเชิญกูรูระดับโลกProfessor David Craig นักวิชาการด้านโซเชียลมีเดียชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเปิดตัวเลขการเติบโตของครีเอเตอร์ในเวทีโลก...

Garmin พิสูจน์ความนิยม รายได้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมรีเฟรชแบรนด์ใหม่ผ่านแคมเปญ“Garmin มีดีมากกว่าที่คิด หาข้อที่ใช่…แล้วไปต่อ”ปักธง “สมาร์ทวอทช์ที่เข้าใจคุณและเป็นสมาร์ทวอทช์สำหรับทุกคน”

Garmin พิสูจน์ความนิยม รายได้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมรีเฟรชแบรนด์ใหม่ผ่านแคมเปญ“Garmin มีดีมากกว่าที่คิด หาข้อที่ใช่…แล้วไปต่อ”ปักธง “สมาร์ทวอทช์ที่เข้าใจคุณและเป็นสมาร์ทวอทช์สำหรับทุกคน” อีกขั้นของความสำเร็จกับรายได้นิวไฮในไตรมาสแรกของปีกว่า 1,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า