PS4 Pro ยังได้เพิ่มอีก 1GB ที่เป็น DDR3 memory ไปยังตัวคอนโซลอีก, เพื่อไปรองรับการใช้งานของ console’s OS และ non-critical applications/ที่ไม่ค่อยสำคัญ, ซึ่งสามารถลดการใช้งานและมีแรพเหลือกอีก 1GB ที่เป็น GDDR5 RAM เพื่อมาใช้ critical gaming tasks/สิ่งที่สำคัญกว่า. ในความเป็นจริงนั้น, วิธีนี้จะทำให้มีที่ให้กับผู้พัฒนาเกมส์เพิ่มมากขึ้น 512MB สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างหรือเกมส์, คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับ PS4.

คราวนี้มาดูเวอร์ชั่นใหม่จาก AMD’s Polaris GPU architecture ที่ทาง PS4 Pro ได้รับสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจาก Delta Colour Compression (DDC), โดยจะทำให้ PS4 Pro นั้นมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการใช้งานของ GPU memory bandwidth โดยไปลดความต้องการในการใช้ memory bandwidth สำหรับชิ้นงานๆหนึ่งเพื่อให้เสร็จ. และรวมเข้ากับ PS4 Pro’s GDDR5 memory (ที่เร็วกว่า)และตัว PS4 Pro นั้นจะมีค่า memory bandwidth ที่สามารถนำมาใช้ได้เพิ่มมากขึ้น. เมื่อเร็วๆนี้ทาง Digital Foundry ได้มีโอกาสคุยกับทาง VooFoo, ผู้พัฒนาเกมส์จาก Mantis Burn Racing, ซึ่งตอนนี้กำลังสร้างเกมส์สำหรับ PC, PS4 และ PS4 Pro. ได้กล่าวเอาไว้ว่า สิ่งที่เป็นจุดเด่นและหลักๆเลยสำหรับ PS4 Pro ใหม่นี้ก็คือ การที่สามารถให้ตัวคอนโซลนั้นปฏิบัติงานแบบ (สอง) 16-bit floating point (FP16) operations/ที่เดียว 2ชุด ในครั้งเดียว แต่ส่วนของ PS4 นั้นมีเพียงชุดเดียว.

ตอนนี้ทาง Sony ออกมายืนยันว่า PS4 Pro นั้นสามารถรองรับ 16-bit variables/ตัวแปร, ซึ่งมีความสามารถในการจัดการ (สอง) 16-bit operations แทนที่จะเป็นแค่ หนึ่งหรือ single standard 32-bit variable. ซึ่งอันนี้เองจะทำให้  PS4 Pro นั้นปฏิบัติงานได้ทีเดียวสองงานแต่ใช้เวลาเทียบเท่ากับงานเดียว แต่ความแม่นยำก็ลดน้อยลง.

หากทางผู้พัฒนาสามารถหาวิธีจัดการว่าชิ้นงานไหนสามารถกระทำได้โดยความแม่นยำที่น้อยกว่าหรือ less precision โดยที่จะไม่มีผลเสียกับตัวเกมส์ซึ่งตัว PS4 Pro สามารถที่จะได้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ 16-bit mathematics. ทาง Sony ยังกล่าวอีกว่าในตัวคอนโซลใหม่นี้จะมีองค์ประกอบหลักๆอยู่สองอย่างที่มันอยู่ใน AMD’s roadmap ประกอบอยู่ใน PS4 Pro อีกด้วย, ซึ่งสองตัวนี้มันจะมีให้เห็นในพีซีในปีหน้า แน่นอนว่ามันมาจาก Vega GPUs

การนำเอาระบบแบบ mixed precision compute/แบบผสมผสาน มาใช้นี้จะทำให้ผู้พัฒนาทางด้านเกมส์นำระบบนี้มาประยุกค์ใช้นั้นใช้เวลาในการสร้างมากขึ้น, เพราะการปฏิบัติงานหรือการประมวลผลนั้นส่วนมากจะไม่เหมาะกับ lower precision compute/การคำนวณที่มีความแม่นยำน้อยกว่า. ซึ่งจะทำให้การพัฒนานั้นใช้ความพยายามมากกว่าตัว PS4, แต่ว่าหากมันสามารถประมวลผลการคำนวณได้ในระดับที่มีความแม่นยำที่ต่ำกว่าแต่ยังสามารถจ่ายภาพออกมาได้ดีเหมือนเดิมก็อาจจะเป็นไปได้.

PS4 Pro นี้มาพร้อมนวัตกรรมที่มีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่มากอยู่พอควรซึ่งมีประสิทธิภาพและขีดความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นหากเทียบกับ PS4, ถึงแม้ว่าการปรับปรุงใหม่นี้จะทำให้ดีมากขึ้น 2.3 เท่าในด้าน consoles graphics ก็ตาม แต่ก็ยากที่จะกล่าวได้เต็มปากว่า PS4 Pro นั้นเป็น 4K console ที่แท้จริง.

ที่มาเครดิต

http://www.overclock3d.net/news/gpu_displays/sony_details_the_ps4_pro_s_hardware_upgrades/1